Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๒๒๒

sangharaja-section

sungaracha

แสงส่องใจให้เพียงพรหม

เทศนานิพนธ์
ใน
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


 

การอบรมเมตตาจะไม่เป็นคุณแก่ผู้อื่นก่อนแก่ตนเอง ตนเองจะได้รับคุณของเมตตาก่อนแน่นอน เมตตาเป็นความเย็น เมื่อทำความเย็นให้เกิดขึ้นในใจตนเองก็ต้องเป็นความเป็นความเย็นแก่ตน ก่อนที่เมตตาจะส่งไปถึงผู้อื่น

เพียงมั่นใจในความถูกต้องเป็นจริงเท่านั้น ว่าเมตตาเป็นคุณอย่างยิ่งสำหรับตน แล้วการอบรมเมตตาก็จะตามมาไม่ยาก แต่แม้ไม่มั่นใจว่าเมตตาเป็นคุณแก่ตนเองยิ่งกว่าแก่ผู้อื่น การอบรมเมตตาย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะจะไม่สนใจอบรม เมื่อไม่อบรมก็ไม่เกิดผล ไม่เป็นผู้มีเมตตา อะไรทั้งนั้นถ้าไม่ทำ จะเรียกว่าทำไม่ได้หาได้ไม่ ต้องทำเสียงก่อน อบรมเมตตาก็เช่นกัน ทำเสียก่อนจะเป็นผู้มีเมตตา

อะไรทั้งนั้นถ้าไม่ทำ จะเรียกว่าทำไม่ได้หาได้ไม่ ต้องทำเสียก่อน อบรมเมตตาก็เช่นกัน ทำเสียก่อน จะเป็นผู้มีเมตตา

แม้ฝืนใจคิดปรารถนาให้ผู้มีทุกข์พ้นจากทุกข์อยู่เสมอ ความคิดเช่นนี้ก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจได้ คือเป็นเมตตาได้ แต่จำเป็นต้องให้ใจนึกจริง ๆ ไม่ใช่พูดแต่ปาก ใจไม่รับรู้ด้วย ใจต้องรับรู้ด้วยทุกอย่างจึงจะเกิดผล เพราะใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ

การอบรมใจให้อ่อนละมุนด้วยเมตตานับว่าเป็นการอบรมทะนุถนอมใจที่ดีที่สุดประการหนึ่ง ความสุขสงบเยือกเย็นของใจที่เมตตามีมากพอสมควรแล้วเป็นความสุข ที่ผู้ได้รับจะรับรองได้ ว่ามีค่าอย่างยิ่ง พึงหวงแหนรักษาอย่างยิ่ง สำหรับผู้ยังไม่เคยได้รับผลเช่นนั้นแม้ลองเชื่อไว้ก่อนและอบรมเมตตาให้เกิดโดยอาศัยความเชื่อเป็นกำลังส่งเสริม วันหนึ่งจะต้องได้รับผลด้วยตนเอง ผู้ที่ไม่ยอมเชื่ออะไรเลย แม้ไม่ยอมเชื่อเรื่องเมตตาและการให้ผลของเมตตา ก็จักขาดประโยชน์อย่างยิ่งประการหนึ่งที่ควรได้รับ

เมตตากรุณาไม่ได้หมายถึงการคลุกคลีหรือการเสวนาคบหา การเสวนาคบหาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาเลือกเฟ้นอย่างรอบคอบ แต่เมตตากรุณาพึงมีอย่างปราศจากขอบเขต เมตตากรุณาจึงไม่หมายถึงการต้องคบหาคลุกคลีกับคนทั้งหมดเสมอกัน อันการคบคนนั้นท่านสอนให้เลือก ถ้าคบคนพาลย่อมไม่พ้นโทษของการคบคนพาล พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าการไม่คบคนพาลเป็นมงคลอันอุดม แต่การจะให้เมตตากรุณานั้นเลือกพาลเลือกบัณฑิตไม่ได้ เมตตากรุณาต้องแผ่ไปทั่ว ถึงทั้งพาลและบัณฑิต ทั้งคนดีและคนไม่ดี ทั้งผู้สูงกว่าผู้ต่ำกว่าและผู้เสมอกัน และตนเองด้วย แต่การปฏิบัติเพื่อแสดงเมตตากรุณาต้องเหมาะต้องควรต้องให้เกิดมงคลแก่ตน

ให้เมตตากรุณาต่อคนพาลต้องเป็นอย่างหนึ่ง ให้เมตตากรุณาต่อคนดีต้องเป็นอย่างหนึ่ง การแสดงออกซึ่งเมตตากรุณาโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องย่อมมีโทษมีภัย การแสดงออกซึ่งเมตตากรุณาต้องเหมาะสม เมื่อจะแสดงออกซึ่งเมตตากรุณาไม่พึงคิดว่าเข้าข้างคนผิดคนไม่ดีไว้ก่อนเป็นการแสดงเมตตากรุณาที่แท้จริง เพราะคนถูกคนดีย่อมถูกย่อมดีอยู่ด้วยตนเองแล้ว คนผิดคนไม่ดีที่ต้องการเมตตากรุณาเพื่อเป็นกำลังใจ ความเข้าใจและปฏิบัติเมตตากรุณาเช่นนี้ไม่ถูกต้อง การลงโทษที่เหมาะสมแก่ความผิดด้วยจิตใจที่ปรารถนาให้เขาได้สำนึกและกลับตัวกลับใจทำดี เช่นนี้เป็นการแสดงออกซึ่งเมตตากรุณาที่ถูกต้องแท้จริง

มารดาบิดาพวกหนึ่งมีความรักบุตรธิดาอย่างยิ่ง ระวังน้ำใจบุตรธิดามิให้ต้องชอกช้ำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทำถูกหรือทำผิดมารดาบิดาพวกนั้นก็จะให้แต่ความรักความทะนุถนอมน้ำใจ ทำถูกก็ดี ทำผิดก็ไม่เป็นไร หาเหตุผลเข้าข้างมิให้ต้องหมองมัวหัวใจ เช่นนี้จะกล่าวว่าเป็นมารดาบิดาผู้มีเมตตากรุณาต่อบุตรธิดาไม่ได้ เข้าแบบเดียวกับสอนลูกให้เป็นโจร   ลูกลักของเขาขโมยของเขาก็ไม่ว่า ก็ชื่นชม   ลูกไปเอารัดเอาเปรียบเขาก็ไม่ว่า ก็ยินดี   ลูกไปทะเลาะเบาะแว้งมีเรื่องกับเขา ก็ไม่ว่า ก็ช่วยตำหนิติฉินอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดของฝ่ายเขาหรือของฝ่ายลูกเรา   เช่นนี้ลูกที่เป็นเด็กจะสามารถรู้ถูกรู้ผิดได้อย่างไร ยังเด็กทำผิดได้น้อย โตขึ้นจะทำได้มาก มารดาบิดามีโอกาสที่จะช่วยได้ เมื่อไม่ช่วยจะมีเมตตากรุณาได้อย่างไร ผู้ใหญ่หรือมารดาบิดาที่เข้าข้างบุตรธิดาหรือใครก็ตาม เรียกว่าไม่มีเมตตากรุณา   เมตตากรุณานั้นมิใช่จะต้องเข้าข้างทะนุถนอมน้ำใจกันอยู่ไม่เลือกถูกเลือกผิด การสั่งสอนดุว่าทุบตีที่ไม่เกินเหตุเรียกว่าเป็นการแสดงเมตตากรุณาได้ และเป็นเมตตากรุณาที่สูงมาก เพราะเมื่อจะต้องลงโทษบุตรธิดาหรือผู้เป็นที่รักนั้นมารดาบิดาหรือผู้ใดก็ตามจะต้องกระเทือนใจ แต่ที่ยอมรับความกระเทือนใจก็เพราะมีเมตตากรุณาอย่างแท้จริงในบุตรธิดา มารดาบิดาบางคนเฆี่ยนตีดุว่าบุตรธิดาที่ทำผิดทำชั่วไปพลางร้องไห้ไปพลาง นั่นแหละคือเมตตากรุณาที่สูงมากที่แท้จริง แต่ความหวั่นไหวชอกช้ำเสียใจอย่างมากเพื่อแสดงเมตตากรุณาเช่นนั้น นับว่าเป็นเมตตากรุณาที่ยังไม่สมบูรณ์พร้อม เพราะขาดอุเบกขาความวางใจเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย

อุเบกขาที่แท้ในพรหมวิหารไม่หมายความว่าวางเฉยโดยไม่มีเมตตากรุณา   อุเบกขาที่เป็นการวางเฉยโดยมีเมตตากรุณาพร้อมบริบูรณ์จึงจะเป็นอุเบกขาที่แท้ เป็นอุเบกขาในพรหมวิหารธรรม ที่ควรอบรมให้มีมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อปรารถนาจะช่วยตนเอง ช่วยผู้ที่ตนรักตนชอบใจ ช่วยประเทศชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ พรหมวิหารธรรมเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยนั้น เช่นเดียวกับการช่วยด้วยวิธีต่าง  ๆ พรหมวิหารธรรมจะเป็นพลังที่เข้มแข็ง ส่งเสริมให้การช่วยด้วยวิธีทั้งหลายอื่นสัมฤทธิผลยิ่งขึ้น ทำตนให้เป็นผู้มีพรหมวิหารธรรมได้เพียงคนเดียว ผลจะกว้างใหญ่ไพศาลอย่างน่าอัศจรรย์   ถ้าหลาย ๆ คนหรือทุกคนพยายามทำตนให้เป็นผู้มีพรหมวิหารธรรม ก็จะได้พบความสุขอย่างยิ่ง สมปรารถนาที่พากันใฝ่ฝัน

พรหมวิหารธรรมศักดิ์สิทธิ์จริง ช่วยได้จริง ศรัทธามั่นในความจริงนี้ จะเป็นการเปิดทางรับแสงส่องใจให้เพียงพรหม

พรหมวิหารธรรมมีความเกี่ยวข้องกับกรรมอย่างสำคัญ ผู้มีพรหมวิหารธรรมแม้เพียงพอสมควร จะสามารถช่วยใจตนให้สามารถผจญกรรมได้อย่างมีความสุขพอสมควร ไม่เร่าร้อนรุนแรงเช่นที่เป็นกันอยู่ พึงพิจารณาให้เห็นอานุภาพของพรหมวิหารธรรมต่ออำนาจของกรรม

เรื่องของกรรมนั้นสลับซับซ้อน จนยากจะเข้าใจได้ แลไม่เห็น รู้ไม่ถึงว่าได้ทำกรรมใดไว้บ้าง กำลังเสวยผลของกรรมใด ผลของกรรมใดกำลังจะมาถึง เป็นผลดีหรือผลร้าย คนที่วินาทีนี้ยังมีลมหายใจเข้าออกเป็นปกติอยู่ แต่วินาทีต่อไปกลับกลายเป็นร่างที่ปราศจากลมหายใจ หรือที่เรียกว่าอยู่ดี ๆ ก็ตาย ตายไม่รู้ตัว ตายดีก็มี ตายร้ายก็มี นี่คือเรื่องของกรรมที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ผู้ที่มั่งมีศรีสุขอย่างมากมายแล้วกลับหมดตัวเป็นเรื่องของกรรม ผู้ที่ยากจนเข็ญใจอยู่วันนี้อาจกลายเป็นมหาเศรษฐีในวันพรุ่งนี้ ก็เป็นเรื่องของกรรม กรรมที่ทุกคนต่างได้ทำกันไว้มากมายหลายภพหลายชาติที่นับไม่ถ้วน รวมทั้งกรรมในชาตินี้ด้วย นึกถึงกรรมให้ชัดเจนแม้พอสมควร ให้เห็นความน่ากลัวของกรรมไม่ดี และให้เห็นความน่าชื่นชอบของกรรมดี แล้วก็ให้นึกถึงสภาพของจิตใจคนทั้งหลายที่ต้องผจญกรรม โดยเฉพาะกรรมไม่ดี ผู้ที่ต้องกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรงจนขาดสติถึงเป็นบ้าไปเมื่อต้องผจญกับผลที่ร้ายแรงของบาปกรรมคือกรรมไม่ดีก็มีอยู่ไม่น้อย บุคคลเหล่านี้แม้อบรมพรหมวิหารธรรมไว้บ้างพอสมควรก็จะไม่เป็นเช่นนั้น

เมื่อต้องผิดหวังอย่างรุนแรงเพราะบุคคลผู้เป็นที่รัก จะด้วยการพลัดพรากจากเป็นหรือจากตายก็ตาม ผู้มีพรหมวิหารธรรมบริบูรณ์ คือมีอุเบกขาความมีใจเป็นกลางไม่ยินดียินร้ายด้วย ไม่เพียงแต่มีเมตตากรุณาเท่านั้น เช่นนี้ก็จะทำให้คลายความยินร้ายได้ ถ้าเป็นการทำไม่ชอบของฝ่ายหนึ่งอย่างรุนแรง เมตตากรุณาจำเป็นต้องนำมาใช้ ผู้ทำไม่ดีก็ควรได้รับความเมตตา ควรได้รับความกรุณา เมื่อให้ความเมตตาและกรุณาเต็มที่แล้วไม่เกิดผล เมื่อนั้นให้ใช้อุเบกขา ไม่ควรใช้วิธีอื่นในการรับผลของกรรมทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรให้โทสะพยาบาท โกรธอย่างมาก แล้วเลิกให้ความอุปการะช่วยเหลือเลิกสนใจไยดี นั่นผิด ต้องใช้อุเบกขาในพรหมวิหารธรรมจึงถูกต้อง

ใช้อุเบกขาในพรหมวิหารธรรมคือให้คิดสงสารผู้ประพฤติปฏิบัติไม่ดี เมื่อปล่อยใจให้เมตตากรุณาด้วยความคิดที่อ่อนละมุนเต็มที่แล้ว และพิจารณาแล้วเห็นไม่สามารถช่วยได้อีกต่อไป ก็ให้วางใจลงในขณะที่เมตตาสงสาร นั่นถูกต้อง อุเบกขาในขณะที่เมตตานั้นเป็นไปได้อย่างงดงามถูกต้อง แต่อุเบกขาในขณะโกรธเคืองนั้นไม่ถูก ไม่ควรทำ และไม่ใช่อุเบกขาที่แท้ที่ถูก ไม่ใช่อุเบกขาในพรหมวิหารธรรม

 


จากหนังสือ แสงส่องใจให้เพียงพรหม
๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ หน้า ๕๓ – ๖๑