Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๑๘๒

dungtrin_editor_coverวิธีทำใจในขณะที่ยังไม่อยากเชื่อเรื่องนรกสวรรค์

dungtrin_new2

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
แม้แต่การปักใจเชื่อว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ก็ต้องมีเหตุ!

เพราะเกิดมาด้วยความไม่รู้ และไม่สามารถรู้อะไรเพิ่มได้มากนัก นับแต่เกิดจนตาย
คนส่วนใหญ่จึงถือหางข้างความเชื่อที่ว่าการเกิดการตายไม่มีเหตุอื่นนอกจากพ่อแม่
แม้นักวิทยาศาสตร์ที่รู้จักการทำงานของสมอง
ก็ปักใจที่จะเชื่อว่า ความรู้สึกนึกคิดของเราๆท่านๆ
ไม่ใช่อะไรอื่นไกลมากไปกว่าการทำงานของสมอง

ความไม่รู้ ความหลงยึดว่าความเชื่อ หรือการตีความ คือความจริง
นั่นแหละเป็นเหตุให้ปักใจแน่วเยี่ยงมิจฉาทิฏฐิ
ซึ่งมิจฉาทิฏฐิแบบหลงคิดอยู่คนเดียวก็ไม่กระไรนัก
แต่มิจฉาทิฏฐิประเภทเพียรพยายามเผยแพร่ความเชื่อออกไป
ชักจูงให้ผู้อื่นคิดแบบเดียวกับตนให้ได้ อันนี้น่ากลัวครับ

บางคนที่นับถือพุทธ แต่มีความเชื่อในแบบของตนเองคนเดียวไม่พอ
ยังลากพระพุทธองค์มารับรองความเชื่อของตนอีก
เพียงด้วยการหยิบจับบางพระสูตรมาตีความเข้าข้างตน
มิจฉาทิฏฐิประเภทนี้น่ากลัวกว่าอะไรอื่น
เพราะเป็นต้นเหตุแห่งกรรมแปลกๆที่เป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่นไม่รู้จบ
คนที่ด่วนเชื่อก็พลอยรับเคราะห์
เบี่ยงเข้าเส้นทางแห่งการร่วมกล่าวตู่พระพุทธเจ้าไปด้วย

ทุกวันนี้สังคมพุทธในโลกยุคใหม่
เหมือนจะพากันสร้างลัทธิดื้อตาใสให้ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
บางทีก็เหมือนกับว่า ถ้าหากยอมเชื่อว่าผลของกรรมมีจริง
ตัวเองก็คงเข้าข่ายต้องรับผลของบาปมากกว่าผลของบุญ
เรื่องอะไรจะไปยอม

พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าไม่มีอภิญญา
จะไม่ปักใจเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ก็ไม่เป็นไร
แต่ทำใจไว้เผื่อไว้ก่อนว่าทำบุญไว้และดี อย่าเอาบาปเอาอกุศลเลย
อย่าได้เบียดเบียนกันและกันเลย ไม่ว่าทางกายหรือทางวาจา
เพราะถ้ากรรมมีผล เราก็ได้ดีแน่ๆในอนาคต
แต่ถ้ากรรมไม่มีผล เราก็เป็นสุข ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอยู่ในปัจจุบัน
นี่แหละคำตอบสำหรับคนที่พยายามหาจุดสรุปว่าเชื่ออย่างไร
จะไม่ต้องเถียงกับตัวเอง ซึ่งยังไม่รู้ว่าคติข้างหน้ามีหรือไม่มีกันแน่ครับ

ดังตฤณ
กันยายน ๕๖