Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๗๕

เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากใจ บ.ก. ใกล้ตัวให้แปลกใหม่บ้าง
ผมและทีมงานธรรมะใกล้ตัว
ขอนำเสนอเรื่องราวของคนดังในวงการบันเทิง
ภายใต้ประเด็น "การเปลี่ยนแปลงชีวิต"
เริ่มตั้งแต่ฉบับนี้เป็นต้นไป
ไม่แน่ใจว่าจะสิ้นสุดที่ฉบับไหน
เพราะฉะนั้นจึงไม่จัดทำเป็นคอลัมน์ประจำนะครับ
แต่ให้อยู่ในการดูแลของผม
ซึ่งก็หมายความว่าให้รวมอยู่ในบท บ.ก.
คุณๆจะได้ติดตามอ่านโดยสะดวก
แล้วก็ไม่ต้องเป็นภาระเพิ่มแก่ทีมงานฝ่ายอื่นๆ

ทำไมผมจึงเจาะจงวงการบันเทิง?
เพราะเป็นที่พิสูจน์แล้วครับว่าคนในวงการนี้
เป็นที่สนใจของสังคมวงกว้างมากที่สุด
ในสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์
ก็มีคนติดตามอ่านข้อความของ แอสตัน คุชเชอร์
มากกว่า บารัค โอบาม่า เสียอีก

ฉบับประเดิมการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนดังนี้
นิตยสารเราได้รับเกียรติจากดาวค้างฟ้า
ผู้เป็นที่รู้จักมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย
เรียกว่าถ้าท่านนี้เล่นทวิตเตอร์
ก็คงมีคนติดตามมากกว่านักการเมืองทุกคนแน่นอน

เขาคือ "แอ๊ด คาราบาว" หรือยืนยง โอภากุล
ผู้ก่อตั้งวงคาราบาวตั้งแต่ปี ๒๕๒๔
มีผลงานเพลงแต่งเองร้องเองไม่ต่ำกว่า ๙๐๐ เพลง
มีบทบาทหลากหลายที่สุดคนหนึ่งของไทย
ทั้งวงการบันเทิง วงการเมือง และวงการธุรกิจ

เพลงส่วนใหญ่ของคุณแอ๊ดเป็นเรื่องราวบอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง แต่ละยุค
เรียกว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรสำคัญๆขึ้นในไทย
ก็รอฟังเพลงสะท้อนความคิดจากคุณแอ๊ดเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆได้เลย

คุณแอ๊ดทราบดีว่ามีกลุ่มคนที่พอใจและไม่พอใจในบทบาทของเขา
แต่ไม่ค่อยมีคนสักกี่กลุ่มที่ทราบเบื้องลึกของชีวิตเขา
ว่าก็ไม่ได้พอใจในชีวิตของตนเองไปทั้งหมด
กับทั้งมีความสามารถพอจะเปลี่ยนสิ่งที่ไม่น่าพอใจในชีวิตตน
ให้กลายเป็นตรงกันข้ามขึ้นมา

โดยส่วนตัวผมชื่นชมแง่มุมนี้ของชีวิต
การที่เรารู้ตัวว่ามีจุดใดไม่ดี เป็นจุดบอด เป็นความน่าละอาย
แล้วมีความเหี้ยมหาญพอที่จะเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น
ถ้าใครเคยเกลียดเราด้วยจุดบอดนี
ก็ย่อมเปลี่ยนเป็นรักได้ไม่ยากเลย

หวังว่าบทสัมภาษณ์การเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณแอ๊ด
จะเป็นแรงบันดาลใจ หรือประกายแห่งความชื่นชม
ทั้งสำหรับแฟนคลับและผู้ต่อต้าน "แอ๊ด คาราบาว" นะครับ

ดังตฤณ
สิงหาคม ๕๒

 

ทีมงาน - แต่ละคนมีเครื่องมือในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของตนเอง ถ้าจะพูดว่าคุณแอ๊ดอยากให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยเสียงเพลงของคุณแอ๊ด ถือว่าถูกไหม?

แอ๊ด - ก็แค่อยากให้แฟนๆของเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ฟังแล้วมีแก่ใจทำโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้น ไม่ต้องมาตีรันฟันแทงกัน แต่ไม่ได้หวังมากขนาดอยากเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นด้วยเสียงเพลงอะไร

ทีมงาน - คุณแอ๊ดเหมือนแต่งเพลงอยู่เกือบตลอดเวลา แม้ไปเจอเรื่องเล็กเรื่องน้อย เช่น เห็นรังต่อมันร้าง ก็เอามาคิดให้เป็นเพลงได้ คนเราความคิดผูกอยู่กับงานไหน ก็เหมือนชีวิตเกิดมาเพื่องานนั้น อย่างนี้คือชีวิตของคุณแอ๊ดเกิดมาเพื่อเพลงได้ไหม?

แอ๊ด - ก็เกิดมาเพื่อหลายอย่าง แต่เพลงนี่คือเราถนัดที่สุด เป็นอะไรที่ ณ ขณะนี้ตื่นขึ้นมาก็ทำมันได้ด้วยตนเอง จะให้ทำกับข้าวยังต้องพึ่งคนอื่นอยู่ และนอกจากเพลงแล้ว เรื่องการช่วยคนที่ทำกับข้าวให้ผม หรือการลงลึกไปในความรู้เกี่ยวกับศาสนาต่างๆ ผมก็เอาด้วย ชีวิตของผมอยู่เพื่อสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าในหัวมีแต่เพลงอย่างเดียว

ทีมงาน - คุณแอ๊ดยอมรับหลายครั้งว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่หลายเพลงของคุณแอ๊ดเหมือนมีกระแสความอยากกล่อมคนให้จิตใจสงบเยือกเย็นลง อันนี้อยากถามว่างานเหล่านั้น มีผลทางอารมณ์ของตัวคุณแอ๊ดเอง คือย้อนกลับมากล่อมให้จิตใจตัวเองเยือกเย็นลงได้บ้างไหม?

แอ๊ด - มีแน่นอนครับ! ขณะที่ผมแต่ง ขณะที่ผมร้อง ผมก็ได้คิด ผมก็ได้ฟังเองด้วย ซึมซับกลับมาเองด้วย มันไม่ใช่ความตั้งใจจะกล่อมคนให้นุ่มนวลลง แต่เราเองแต่งเสร็จและได้ร้องออกไปแล้ว ใครจะเย็นหรือไม่เย็นผมไม่รู้ แต่ผมเองเย็นลงแน่ๆ

ทีมงาน - นักเขียนส่วนใหญ่มีข้อความที่เขียนเองแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ขอให้คุณแอ๊ดยกตัวอย่างสักเพลง หรือหลายเพลงยิ่งดี ที่แต่งแล้วรู้สึกว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในตัวเอง ได้ข้อคิดจากคำในเพลงที่ฝังจำ และทำให้ไม่ลืมคำนั้น?

แอ๊ด - ก็อย่างเพลง "ทะเลใจ" เหมือนเราต้องเอาชนะใจตัวเอง ซึ่งเหมือนอยู่ใกล้เราแค่นี้ (ชี้นิ้วมาที่หน้าอก) มันเล็กนิดเดียว แต่จริงๆมันใหญ่ปานทะเล ผมคิดได้ในขณะที่แต่ง และยิ่งร้องก็ยิ่งย้ำให้คิดตามกับทั้งเห็นจริงไปด้วย หรืออย่างเพลง "บัวลอย" ก็สะท้อนให้เห็นความปรารถนาของผมที่จะเป็นบัวพ้นน้ำ ถึงแม้ยังเป็นไม่ได้ก็พยายามอยู่ บัวพ้นน้ำก็อย่างที่รู้กันว่าพระพุทธเจ้าหมายถึงคนที่หลุดพ้นนะ พวกเราเรียนกันแล้วก็ลืม แต่ถ้าเอามาตอกย้ำด้วยเพลง มันก็จะยังระลึกได้อยู่ ผมเอาเพลงบัวลอยที่ติดหูคนฟังไปปิดคอนเสิร์ตทุกคอนเสิร์ต แม้ส่วนใหญ่จะจำแต่ความมันของเพลง ผมก็หวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะคิดได้ว่าควรทำตัวแบบบัวลอย ซึ่งเป็นคนน่ารัก และเกิดมาเพื่อช่วยให้โลกนี้พ้นจากห้วงน้ำแห่งความทุกข์

ทีมงาน - สรุปคือเพลงที่คุณแอ๊ดแต่งมาไม่รู้กี่ร้อยเพลง มีสองเพลงนี้ที่มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณแอ๊ดเอง?

แอ๊ด - มีเพลงอื่นอีก อย่าง "คนเก็บฟืน" หรือ "ลุงฟาง" ซึ่งเตือนให้ผมระลึกถึงพุทธแบบเซน ที่ให้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแบบไม่รบกวนกัน เพลงเหล่านี้ผมไม่ได้แต่งให้ชาวโลกฟังอย่างเดียว แต่แต่งแล้วมันกลายเป็นสิ่งที่หลอมรวมอยู่กับชีวิตของผมเองด้วย

ทีมงาน - สมมุติว่าคุณแอ๊ดมีอำนาจวิเศษ สามารถแต่งเพลงๆหนึ่งแล้วทำให้คนมากมายเปลี่ยนแปลงได้ พี่แอ๊ดอยากให้เพลงนั้นเปลี่ยนความคิดคนไปในทางไหนที่สุด?

แอ๊ด - ก็เปลี่ยนการทะเลาะเบาะแว้งให้เป็นสันติภาพสิ โลกทะเลาะกันเหลือเกิน ด้วยเหตุผลที่ตื้นมาก

ทีมงาน - ที่เราจะทำให้เลิกทะเลาะเบาะแว้ง จะต้องไปเปลี่ยนพื้นฐานตรงไหนของคน ในฐานะที่คุณแอ๊ดเห็นความแตกแยกมาหลายยุคหลายสมัย น่าจะเข้าใจกิเลสมนุษย์ตรงนี้ได้ดีที่สุดคนหนึ่ง?

แอ๊ด - ความอยากเป็นใหญ่เหนือคนอื่น คือ รวยกว่า มีอำนาจมากกว่า เพื่อเป็นจ่าฝูง สามารถสร้างเครือข่ายของตัวเอง ตรงนี้โยงมาถึงระบอบการปกครองได้เลยนะ โลกยังมาไม่ถึงจุดที่สุดที่จะพบวิธีการปกครองที่ดี ผมเชื่อว่าน่าจะมีอะไรดีกว่าประชาธิปไตยซึ่งให้เสรีในการเอาเปรียบกันมากเกินไป ถ้าผมวิเศษจริงผมจะแก้ด้วยการทำให้คนรักกัน อภัยกัน แบบขงจื๊อบอกไว้ว่าคนเราต้องรู้จักที่จะรัก และปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความรัก แล้วในที่สุดเราจะได้รับความรักกลับคืนมา

ทีมงาน - สนใจขงจื๊อนานหรือยัง? คุณแอ๊ดให้ความสนใจทางศาสนาแค่ไหน?

แอ๊ด - ก็เป็นสิบปี ทั้งเต๋า ทั้งเซน อย่างอิสลามก็เริ่มศึกษามาจนเข้าใจได้สองปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มเกิดเรื่องร้ายๆในไทยเรานั่นแหละ

ทีมงาน - ทราบมาว่าคุณแอ๊ดแจกขนมและอาหารให้เด็กทั้งซอยเข้าบ้านนี่เลยใช่ไหม?

แอ๊ด - อันนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องของศาสนานะ เราเป็นเพื่อนมนุษย์ บ้านใกล้เรือนเคียงกัน ถ้าอยากได้รับความเอื้อเฟื้อจากพวกเขา เราก็ต้องเอื้อเฟื้อกับเขาก่อน

ทีมงาน - เพลงไหนที่คุณแอ๊ดแต่งแล้วเข้าถึงหูนักการเมือง และพอจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้บ้างไหม?

แอ๊ด - อันนี้ผมไม่รู้ ถึงผมจะมีเพื่อนเป็นนักการเมืองมาก ก็ไม่เห็นมันจะสนใจกัน ทุกวันนี้เพื่อนผมก็ยังซื้อเสียงกัน แล้วบอกผมว่าถ้าไม่ซื้อก็แพ้น่ะสิ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง

ทีมงาน - นอกจากจะใจร้อน ยังทราบว่าคุณแอ๊ดยังเป็นคนใจแข็งมาก ซึ่งไม่ใช่พิสูจน์ด้วยความทรหดอดทนหรืออะไร แต่เป็นความสามารถหักด้ามพร้าด้วยเข่า คืออยากเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ก็ทำได้ทันที ขอให้คุณแอ๊ดเล่าว่าเกิดความคิดอย่างไรตอนเลิกเหล้า?

แอ๊ด - ก็กลัวว่าสุขภาพทรุดโทรมเป็นหลัก และอีกอันหนึ่งคือภาพลักษณ์ ผมคงยืนอยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติต่อไปไม่ได้ ในฐานะหัวหน้าวงดนตรีที่มีชื่อเสียง ไม่อยากเป็นไอ้ขี้เมาคนหนึ่งที่แฟนๆเห็นแล้วเสื่อมศรัทธา อย่างนั้นอนาคตมันจบไม่สวยแน่ ผมไม่อยากให้พวกเขาผิดหวังในตัวผม

ทีมงาน - คุณแอ๊ดเคยเมาหัวราน้ำให้คนเห็น?

แอ๊ด - เมา! ใครอยู่ใกล้ผมจะเห็นบ่อย แต่ตอนนี้ไม่ได้เห็นมาร่วมปีแล้ว

ทีมงาน - สำหรับคุณแอ๊ด การห้ามใจตัวเองสำเร็จคือเรื่องน่าปลื้มหรือแค่เฉยๆ?

แอ๊ด - เป็นความภูมิใจส่วนตัวที่ไม่บอกคนอื่น ใครอยากกินเหล้าต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา ผมไม่ได้ไปว่า ผมแค่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคนมีสติดีๆแบบที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่ใช่ไอ้ขี้เมา ไม่อยากได้ชื่อว่าต้องตายแบบไอ้ขี้เมา

ทีมงาน - ความสามารถในการห้ามใจในเรื่องนี้ได้ หรืออีกนัยหนึ่งชนะตัวเองได้ ช่วงปีหนึ่งที่ผ่านที่เลิกเหล้าได้ มันมามีส่วนเพิ่มมนต์ขลังให้กับผลงานเพลงบ้างไหม?

แอ๊ด - บทเพลงของเรามันคมคายลึกซึ้งขึ้น คนฟังวิจารณ์ว่าดีกว่าช่วงก่อนๆ

ทีมงาน - มีอะไรพิเศษไปกว่านั้นไหม?

แอ๊ด - เราก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น สุขุมรอบคอบขึ้น หลังจากเลิกเหล้า หลายสิ่งหลายอย่างมันกลับคืนมา จะพูดจะทำอะไรไปมันไม่ใช่ด้วยใจที่คับแคบ ไม่ใช่ใจที่พร่าเลือน อันนี้ก็มาสะท้อนในงานเพลงด้วย ที่ไม่บุ่มบ่ามเหมือนแต่ก่อน คนจะรู้สึกว่างานเพลงของเรามองโลกรอบด้านขึ้นกว่าเดิม ใจกว้างขึ้นกว่าเดิม

ทีมงาน - ขอถามให้ชัดขึ้นอีกนิด ความหมายคือเหล้าทำให้งานเพลงเก่าๆเป็นงานที่มาจากจิตใจคับแคบและพร่าเลือน?

แอ๊ด - อือ... ก็แบบว่าพูดพล่อยๆน่ะ แทนที่จะคิดก่อนพูด ก็พูดไปเสียก่อนแล้ว พอเลิกเหล้าได้ก็คิดถึงคำของคานธีได้คำหนึ่ง คือ ถ้าเราคิดว่าคำๆนี้จะพูดดีหรือไม่พูดดี นั่นแหละ อย่าได้พูดเลย

ทีมงาน - อยากให้คุณแอ๊ดพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "สติ" กับการทำเพลง

แอ๊ด - พอมีสติความรู้สึกมันก็ใสขึ้น สมองปลอดโปร่งตอนเช้าๆ มีเวลาคิดอะไรได้มาก เพลงใหม่ๆก็ออกมา แม้จะครึ่งๆกลางๆ เดี๋ยวก็ต่อได้ เรียกว่าเลิกเหล้าแล้วปริมาณกับคุณภาพเพลงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีเหล้าแล้ววัดผลกันเป็นรูปธรรมได้เลย

ทีมงาน - ขอให้คุณแอ๊ดยกตัวอย่างสักเพลงหนึ่ง ที่แฟนเพลงมาให้ฟีดแบ็กว่าเปลี่ยนความคิดเขา หรือให้กำลังใจเขาผ่านสถานการณ์ลำบากไปได้

แอ๊ด - ไม่เคยมีใครมานั่งคุยเจาะรายละเอียดกับผมจังๆเลยนะ ก็แค่ประมาณว่า "ผมได้เพลงพี่เนี่ยแหละถึงเป็นผู้เป็นคนขึ้น" หรือ "ผมชอบคนล่าฝันมากเลย เพราะทำให้มีกำลังใจต่อสู้กับชีวิต" แบบนี้เรียกได้ว่าบ่อยเหมือนกัน แต่ผมจะมีวิธีรู้ของผมนะ อย่างถ้าคนขอเพลง "ลูกลุงขี้เมา" นี่แสดงว่าเขาต้องฟังเพลงนี้ละเอียด ผมซ่อนอะไรไว้เยอะ ถ้าชอบเพลงนี้ก็แปลว่าได้อะไรจากเพลงนี้จริงๆ

ทีมงาน - เคยได้ยินแฟนเพลงร้องเพลงคุณแอ๊ดโดยบังเอิญไหม?

แอ๊ด - เคย!

ทีมงาน - ภาคภูมิใจไหมที่ได้ยินความคิดของตัวเองผ่านปากของคนอื่น

แอ๊ด - ผมมองงานของตัวเองเป็นการทดลอง ได้ยินแบบนั้นกับหูก็ถือว่าการทดลองมันเวิร์ก เรามาถูกทางแล้ว ควรทำต่อไปอย่างมีกำลังใจ อย่าพูดเรื่องความภาคภูมิใจเลย ผมว่ามันเป็นเรื่องตลกไปแล้ว ผมผ่านตรงนั้นมาแล้ว ผมอยากได้ยินเรื่องเพลงที่ไม่เวิร์กมากกว่า

ทีมงาน - คืออยากฟังเรื่องเพลงที่เราทำออกไปไม่โดนใจคน ว่าทำไมมันถึงไม่โดน?

แอ๊ด - อันนี้เหมารวมไปถึงการทำดนตรี การแสดงบนเวทีด้วย อย่างปีที่ผ่านมาผมเล่นดนตรีอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง เจอลูกค้าฝรั่งจากอเมริกาคนหนึ่งทัก บอกว่าคุณเป็นร็อคสตาร์นะ ต้องยืนร้อง ไม่ใช่นั่งร้อง แล้วมือแซ็กทำไมเอาไปซุกไว้ข้างหลัง ให้เขาออกมาข้างนอกสิ แล้วนั่นอีก กีตาร์หลายตัวเกินไป ทำไมไม่เพิ่มแมนโดลินมาสลับกันบ้าง ผมไม่นึกว่าจะมีใครกล้าพูดกับผมอย่างนี้ แต่ตั้งแต่วันนั้นผมปรับปรุงวงใหม่หมด ไม่เคยนั่งอีกเลย แอคทีฟบนเวทีตลอด แล้วงานก็เข้ามาแบบไหลมาเทมา

ทีมงาน
- แสดงให้เห็นตัวตนของแอ๊ด คาราบาว ว่ายังไม่ใช่ชาล้นถ้วย ทำเพลงระดับประเทศมาหลายสิบปี ก็ยังรับฟังเสียงติได้ ปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้นได้

แอ๊ด - ใช่! ผมไม่รู้จักชื่อฝรั่งคนนั้นด้วยซ้ำ ผมยอมทำตามใครก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาบอกกับผมมันมีค่า (พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกตื้นตัน) คำเตือนคือสิ่งที่มิ่งมิตรให้ต่อกัน ไอ้ที่พลอยผสมโรงไปวันๆเรียกว่ามาหลอกกิน

ทีมงาน - เกือบยี่สิบปีก่อนคุณแอ๊ดเคยกล่าวบนเวทีคอนเสิร์ตว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ปีนี้ถ้ามีโอกาสพูดกับมหาชนกว้างๆในโอกาสที่เหมาะสม คุณแอ๊ดอยากบอกกับพวกเขาเกี่ยวกับธรรมะและพระพุทธเจ้าละเอียดขึ้นกว่าเดิมไหม?

แอ๊ด - เมื่อเช้าก็ยังคุยกับน้องๆ คนเราดำเนินชีวิตไปตามกฎของกรรมตามธรรมชาติ แต่อาจฝืนได้นิดหน่อยตรงที่มีความระวัง อย่างถ้าลูกน้องขับรถเร็ว เห็นเลยว่ามันขาดสติ ถ้าเราปล่อยเลยตามเลย มันขับรถไปคว่ำตาย เราก็อาจตายไปด้วย แต่ถ้าเราเตือนว่าอย่าขับเร็ว มันก็ขับช้าลง เราก็มีโอกาสรอดตายสูงขึ้น สรุปคือเรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่าเข้าใจว่าปล่อยเลยตามเลย ต้องปรับปรุงอะไรให้มันดีขึ้นด้วย แต่ถ้าพยายามให้ดีแล้ว เช่นเตือนมันแล้ว มันขับช้าลงแล้ว แต่ต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่ดี อันนั้นค่อยไปบอกว่าเป็นเรื่องของกรรมเก่า ช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ สรุปคือแก้ไขให้ดีที่สุดก่อน ถ้ายังซวยอีกก็ค่อยไปถือว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง กรรมเก่าให้มาอย่างนั้น

ทีมงาน - ที่ผ่านมาคุณแอ๊ดรับเล่นละครเล่นหนัง แต่มักเป็นบทที่ไม่ค่อยเด่น ทั้งที่ระดับนี้อยากเล่นบทอะไรใครๆก็ให้ มีเหตุผลอะไรเป็นส่วนตัวไหม?

แอ๊ด
- ไม่เด่นแต่ก็มีคุณค่านะ อย่างบทพ่อที่ต้องสอนพระเอกเนี่ย ผมเอาแล้ว ถือว่าได้ให้อะไรกับคนดูแล้ว

ทีมงาน - ใช้ชีวิตมาถึงตรงนี้ ถือว่าเลยจุดสูงสุดมาหรือยัง?

แอ๊ด - เลยแล้วครับ ชีวิตที่เหลือคือกำไรแล้ว ที่ผ่านมาผมพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทำอะไรก็ได้ ที่เคยคิดเคยฝันนั้น ผมมาไกลเกินด้วยซ้ำ

ทีมงาน - ทุกวันนี้ตื่นขึ้นมาอยู่กับ "ความพอ" แล้ว ไม่ต้องนั่งนึกว่าไปจุดหมายแล้วหรือยัง เพราะมันเลยมาแล้วใช่ไหม?

แอ๊ด - ครับ!

ทีมงาน - อธิบายความรู้สึกได้ไหม สำหรับคนที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว มาได้ไกลเกินความฝันแล้ว มันเป็นสุขหรือเฉยๆยังไง?

แอ๊ด - เป็นสุข! แล้วก็อยากสอนอยากบอกกับคนรุ่นต่อๆไปถึงทางลัดด้วย มันถึงเวลาที่ผมยินดีนั่งคุยกับใครต่อใครทั้งทางโลกและทางธรรมนานๆ ผมไม่ค่อยได้ลงลึกอะไรมากหรอก แต่อ่านเยอะ แล้วก็ชอบแจก หนังสือบางเล่มนี่เหมือนกับเพลงนั่นแหละ อาจเปลี่ยนชีวิตคนได้เลยนะ!



• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •


เรื่องน่าสนใจประจำฉบับ

เรื่องเจ็บเรื่องตาย แม้ไม่อยากให้เกิดขึ้น
แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้นนะคะ
"ธรรมะจากพระผู้รู้" ฉบับนี้
จะชวนคุณผู้อ่านมาซ้อมตายกันค่ะ
ใครสนใจ ตามอ่านได้ในฉบับเลยค่ะ ^_^

โดนทักว่าบ้านฮวงจุ้ยไม่ดี ถ้าไม่แก้ชีวิตจะต้องแย่
หากไม่สะดวกแก้ฮวงจุ้ย จะมีวิธีอื่นแก้ไขได้บ้างหรือไม่?
พบคำตอบจาก "หมอพีร์" ที่คอลัมน์ "ไดอารี่หมอดู" ค่ะ

เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน วันๆ กินกับนอน ไม่เห็นต้องทุกข์ร้อนอะไร
ใครที่มีทุกข์มาก กระทั่งเคยคิดอิจฉาสัตว์แบบนี้
ต้องไม่พลาดคอลัมน์ "สัพเพเหระธรรม" นะคะ
"คุณกล่องไม้" มีบทความแฝงแง่คิดดีๆ มาฝาก
ในตอน "เกิดเป็นสัตว์" ค่ะ

แม้จะมีสมบัติมากมายในกำมือ แต่หากไม่มีโอกาสได้ใช้
ก็คงไม่ต่างอะไรกับ "มือเปล่า"
คุณจะทำอย่างไรกับทรัพย์สินที่มีอยู่
หากรู้ตัวว่า จะต้องลาโลกไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
พบเรื่องสั้นอ่านสนุกพร้อมได้สติ โดย "คุณธีระวัฒน์"
ที่คอลัมน์ "เรื่องสั้น" ค่ะ

ใครชอบนิทาน เชิญที่คอลัมน์ "ของฝากจากหมอ" นะคะ ^^*
นิทานหลายเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดี
อาจมีธรรมะแฝงอยู่ในมุมที่เราคาดไม่ถึง
พบเรื่องราวพร้อมข้อคิดจาก "คุณหมอพิมพการัง"
ในตอน "เรื่องจริงในโลกนิทาน และเรื่องต่างๆ ในชีวิตจริง" ค่ะ

• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •


ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • เชิญร่วมฟังบรรยาย และถามปัญหาที่คุณอยากรู้กับคุณดังตฤณ
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๓.๓๐ – ๑๖.๐๐ น.
    ห้อง LNG101 ชั้น ๑ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด)
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. ๐๒-๔๗๐๘๗๔๓
    แผนที่และการเดินทาง
    http://www2.kmutt.ac.th/thai/con_us/index.html
    สำหรับผู้ที่นำรถมาอาจหาที่จอดในมหาวิทยาลัยยากหน่อยนะคะ
    และตอนที่จะนำรถเข้าจะต้องแลกบัตร ให้แจ้ง รปภ. ว่ามาสัมมนาที่คณะศิลปศาสตร์
    ในกรณีที่หาที่จอดในมหาวิทยาลัยไม่ได้ อาจจะต้องนำรถไปจอดที่ศูนย์เยาวชน หรือ สวนธนบุรีรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้เคียงแทนค่ะ

 

 

  • ข่าวดี ! สำหรับท่านที่มีเพื่อนชาวต่างชาติ
    ที่ต้องการศึกษาธรรมะที่เรียบง่ายและลัดสั้น
    พบกับหนังสือ "แด่เธอผู้มาใหม่" ฉบับภาษาอังกฤษ ได้แล้วที่นี่ค่ะ
    http://01.wimutti.net/pramote/books/newcomer_eng.pdf

 

  • ประกาศผลผู้โชคดีจากการเล่น quiz #คุณเป็นใครในนิยายเรื่อง "รัก พ.ศ. ๑๐๐"
    (๒๐ คน จากผู้เล่นทั้งหมด ๔๕๓ คน)ได้ที่
    http://bit.ly/1c6jDp นะคะ

• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

พบกันใหม่พฤหัสหน้ากับฉบับ Lite ที่ http://www.dlitemag.com
สวัสดีค่ะ