Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๗๖

ทั้งปีนี้ผมใช้เวลาไปกับการบรรยายตามที่ต่างๆ 
เปิดหูเปิดตารับประสบการณ์กว้างขวางขึ้น 
กระตือรือร้นมากขึ้น แล้วก็เหนื่อยมากขึ้น 
รวมทั้งมีเสียงที่จะพูดน้อยลง  
เหลือเวลาเขียนน้อยลง 

ผมตอบตกลงรับบรรยายกับหลายแห่งแล้ว 
ไปจนถึงปีหน้า นับจากนี้ของดรับบรรยายเพิ่มนะครับ 
ขออนุญาตแจ้งอย่างเป็นทางการไว้ ณ ที่นี้ 
เพื่อไม่ต้องปฏิเสธให้เสียน้ำใจกัน 

จากประสบการณ์ตลอดปี 
ผมพบว่าการบรรยายเป็นการสื่อสารทางเดียว 
ส่วนตัวไม่ค่อยรู้สึกว่าเวิร์กเท่าไหร่ 
คือคนจะตั้งใจฟังกันแค่ส่วนเดียว 
ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่คนเราจะให้ความสนใจ 
เฉพาะตรงจุดที่โดนตน 
พ้นจากนั้นจะปิดช่องทางรับทั้งหมด 

ผมจะรู้สึกได้ทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่านจริงๆ 
ก็เป็นตอนที่เลิกบรรยาย 
ซึ่งเริ่มสื่อสารสองทาง 
เรียงคิวถามกันรายบุคคลนั่นเอง 
ตอนคนเราสงสัยใคร่รู้และถามปัญหาที่อยากถามที่สุด 
ใจจะเปิดกว้างที่สุดเช่นกัน 
และถ้าได้รับคำตอบที่ใช่ที่สุด 
ใจก็จดจำและอยากเอาไปใช้จริงที่สุด 

ผมเห็นประโยชน์ตรงจุดนี้ 
จึงคิดว่าจะรักษาไว้ ไม่ให้หายไปกับการเลิกรับบรรยาย 
โดยจะใช้ช่วงนี้จนถึงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน 
ที่พอมีเวลาเว้นวรรคบ้าง 
ไปพบท่านๆที่สนใจถามตอบกับผม 
โดยจะขอใช้บ้านอารีย์เป็นสถานที่นัดพบ 

ที่ผ่านมาการรอคิวถามตอบไม่ค่อยเป็นระบบนัก 
ส่วนใหญ่ต้องนั่งรอกันหลายชั่วโมง 
เพราะผมให้เวลากับทุกคนตามสบาย 
และจะถามกี่คำถามก็ได้ 
ต่อไปเพื่อให้โอกาสกับทุกท่านอย่างทั่วถึง 
และผมเองไม่ต้องหมดแรงเสียก่อน 
ก็จะขออนุญาตตั้งเงื่อนไขสองสามข้อครับ 

๑) วิธีสมัคร
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ซ้ำหน้ากัน และไม่มีการจองแทน 
ขออนุญาตรับเพียงการสมัครจาก http://twitter.com/dungtrin
หลายท่านสมัครใช้ twitter เพื่อรอกำหนดการบรรยายอยู่แล้ว 
จึงถือว่าเหมาะที่จะนำมาใช้ในการนี้ 
เพียงคุณพิมพ์ข้อความ  
@dungtrin <ชื่อและนามสกุลของคุณ> 
ซึ่งข้อความจะปรากฏที่บล็อกของคุณเอง 
เช่น @dungtrin มานี มานะสกุล 
ผมจะแจ้งยืนยันเลขลำดับให้ด้วยวิธีส่งเมสเสจตรง 
(คุณแค่คลิกลิงก์ Direct Messages ก็จะเห็นเมสเสจตอบรับ) 
สำหรับชื่อและนามสกุล 
จะต้องใช้ในการแจ้งให้เจ้าหน้าที่หน้าห้องทราบ 
และเขาจะดูจากบัญชีชื่อว่าอยู่หมายเลขที่เท่าไร 

๒) จำนวนผู้เข้าร่วมต่อครั้ง
ผู้มีสิทธิ์ถามครั้งละไม่เกิน ๖๐ คน 
โดยผมจะดูจากลำดับที่สมัครมาใน twitter 
แต่ก็จะไม่จำกัดสำหรับคนอื่นที่นอกเหนือจากนี้ 
คือใครจะเข้ามาร่วมก็ได้ตามวันเวลาที่แจ้ง 
แต่ขอให้โอกาสถามได้เพียง ๖๐ คนในคิว 
ที่เป็นเช่นนี้ผมคำนวณจากเวลาที่สั้นที่สุด 
เท่าที่จะได้ประโยชน์กับหนึ่งคน 
อย่างน้อยต้อง ๕ นาที น้อยกว่านี้อาจไม่ค่อยได้เนื้อได้น้ำ 
๖๐ คน คนละ ๕ นาทีก็ ๕ ชั่วโมง สมควรแก่เวลา 
(ผมเคยให้เวลาไม่จำกัดแล้วต้องอยู่รอกัน 
ตั้งแต่บ่ายแก่ๆถึงตีหนึ่งกว่าจะหมด ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดี) 
และที่เปิดให้คนอื่นๆนอกคิวได้เข้าฟังด้วย 
ก็เพราะหลายคนบอกว่าได้ประโยชน์ 
จากการฟังผมตอบคำถามคนก่อนๆหน้า 

๓) จำนวนครั้งที่เข้าร่วมได้
ขอเป็นคนละครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ 
ผมทำได้อย่างเก่งแค่อาทิตย์ละวัน 
ถ้าวันละ ๖๐ คน จากนี้ถึงต้นพฤศจิกายน 
(บางจันทร์อาจต้องงด ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในแต่ละสัปดาห์) 
อย่างมากก็ ๑๐ ครั้ง คูณออกมาได้ ๖๐๐ 
แต่คนที่อยากถามผมเป็นส่วนตัวมีมากกว่านั้น 
ขอความเข้าใจนะครับที่ให้ถามได้แค่รอบเดียว 
คืองานนี้ไม่ได้ทำตลอดไป 
ช่วงนี้เป็นช่วงพิเศษที่ผมอยากทำบุญใหญ่หลายๆทาง 
ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง 
แต่เดือนพฤศจิกายนผมจะต้องเร่งเขียนหนังสือ 
จึงมีเวลาและกำลังในการมาตอบเช่นนี้จำกัด 
ตั้งแต่ช่วงกันยายนถึงตุลาคม 
แต่อาจต่อเนื่องไปถึงต้นพฤศจิกายนถ้าจำเป็น 
เหลือจำนวนผู้สมัครอยู่มากจริงๆ 

๔) วันและเวลาในการตอบคำถาม
เท่าที่ผมและบ้านอารีย์คุยกัน 
จะสะดวกด้วยกันทั้งสองฝ่ายเฉพาะวันจันทร์ 
ฉะนั้นก็จะยึดเอาวันจันทร์เป็นหลัก 
และเพื่อให้สะดวกกับคนทำงาน 
ก็จะจัดเวลาให้เป็น ๑๖.๐๐ - ๒๐.๐๐  
เลทสุดไม่เกิน ๒๑.๐๐ โดยไม่มีการต่อเวลาไปกว่านั้น 
อันนี้ขอไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ 
ผมมักโดนถามไปเรื่อยๆหลังทุกครั้ง 
และหลายคนอยากถามในเรื่อง sensitive ที่ไม่อยากให้ใครได้ยิน 
ก็จะรอตอนเลิก พอเจอหลายคนก็กลายเป็นจบงานไม่ได้เสียที 
หากรู้เวลาจบแน่นอน ก็จะเป็นการดีสำหรับผมที่ได้รู้กำลังตัวเอง 
และก็จะได้ไม่ต้องรบกวนเจ้าหน้าที่บ้านอารีย์ให้อยู่ดึกเกินไปด้วย 

๕) คุณสมบัติของผู้สมัคร

อยากได้คนเขี่ยผงในตาให้ 
หรืออยากได้คำแนะนำในการขจัดอุปสรรคขวางทางเจริญสติ 
ไม่ควรมาเพราะอยากลองภูมิ อยากลองดี 
หรืออยากพิสูจน์ 
ว่าที่เพื่อนๆหรือญาติๆไปร่ำลือกันนั้นจริงหรือไม่จริง 
ภายใน ๕ นาทีผมไม่มีเวลาพิสูจน์ตัวเอง 
อยากให้เป็น ๕ นาทีที่คุ้มคุณและคุ้มผมทั้งสองฝ่ายครับ 
และไม่ควรพาญาติมาเพื่อหวังให้ผมเปลี่ยนชีวิตให้ใน ๕ นาที 
เพราะนอกจากจะไม่ทันได้บุญกันทั้งสองฝ่าย 
อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้บาปไปจากการสนทนาธรรมเอาง่ายๆ 
แต่ละคนควรทราบล่วงหน้าว่าอยากรู้อะไร 
ไม่ไปนั่งคิดเดี๋ยวนั้น และบอกเดี๋ยวนั้นว่าไม่ทราบจะถามอะไร 
อย่านั่งนิ่งๆแล้วบอกว่าช่วยดูให้ที 
เพราะแบบนั้นผมต้องเหนื่อยใช้กำลัง 
มากกว่าที่คุณถามอะไรนำออกมาเสียก่อน 

รายละเอียดความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลง 
ขอให้ดูจากแหล่งกระจายข่าว ๒๔ ชั่วโมงของผม คือ Twitter 
ตอนนี้ขอเซ็ตวันแรกไว้เป็นวันจันทร์ที่ ๗ กันยายน นะครับ 
ส่วนวันจันทร์ที่ ๒๑ อาจต้องเลื่อนไปเป็นวันอื่น 

วันนี้บท บ.ก. ขอนำสัมภาษณ์คนทำเพลงพุทธคุณ 
คือคุณณธนา หลงบางพลี มาลงให้อ่าน 
จากที่ผมรู้จักมา ก็อยากเรียกว่าเป็น ไมค์ โอลฟีลด์ เมืองไทย 
เพราะเป็น "นักดนตรี" จริงๆ 
เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าบุญเก่าทางดนตรี 
เมื่อให้ผลแล้วเอื้อให้เกิดความสามารถได้อย่างไร 
และบุญเก่าชนิดที่ทำให้ "เริ่มแรกก็แตกฉาน" แม้มีจริง 
ก็มีเงื่อนไขในการนำมาใช้ให้เป็นคุณเป็นโทษได้ไม่จำกัดด้วย 

ดังตฤณ 
กันยายน ๕๒

 

ทีมงาน - คุณณธนาเล่นเครื่องดนตรีอะไรได้บ้าง?

ณธนา - ผมเล่นได้ทั้งเครื่องดนตรีไทยและสากลครับ ถ้าเครื่องดนตรีสากลก็เช่น เปียโน คีย์บอร์ด กีต้าร์ กลองชุด เพอร์คัสชั่น กีต้าร์เบส ทรัมเป็ต ฟลุต ขลุ่ยผิว เมาท์ออร์แกน เป็นต้น ส่วนเครื่องดนตรีไทยก็เช่น ซออู้ ซอด้วง ระนาด ขิม จะเข้ พิณ ขลุ่ย ปี่จุม สะล้อ ซึง เครื่องกำกับจังหวะต่างๆ


ทีมงาน - เครื่องดนตรีชิ้นใดที่ถนัดหรือเล่นได้ดีที่สุด?

ณธนา - ถ้าเครื่องสากลก็น่าจะเป็นคีย์บอร์ด และเปียโน ส่วนเครื่องไทยก็น่าจะเป็นตระกูลซอต่างๆ ขลุ่ย แล้วก็ขิมครับ


ทีมงาน - เหตุใดจึงมีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีขนาดนี้ เป็นพรสวรรค์หรือพรแสวง เป็นแรงบันดาลใจหรือการบังคับ?

ณธนา -ก่อนหน้านี้ไม่ทราบเลยว่าคืออะไร แล้วก็ไม่เคยสังเกตตัวเองหรือสนใจเลยด้วยซ้ำไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา รู้แต่ว่าถ้ามีโอกาสได้จับเครื่องดนตรีอะไรก็ตาม และมีโอกาสอยู่ร่วมกันไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ก็จะสามารถเล่นเครื่องดนตรีชิ้นนั้นๆได้แล้วครับ เครื่องดนตรีชิ้นแรกในชีวิตและเล่นได้เองเลยโดยไม่มีใครสอนก็คือ เมาท์ออร์แกน (หีบเพลงปาก) เพิ่งมารู้ก็ตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วว่าอย่างนี้น่าจะเรียกว่าพรสวรรค์ เพราะหลายๆเครื่องมือไม่เคยมีใครสอนเลยไปลองหยิบๆจับๆเล่นเอง ก็เล่นเป็นเพลงได้เลย เครื่องดนตรีบางชิ้นตอนซื้อมาก็ยังเล่นไม่เป็น แต่ชอบเสียงแล้วก็รู้สึกได้ว่าเราจะเล่นมันได้ก็ซื้อก่อน เรื่องเล่นค่อยมาว่ากันอีกที และทุกทีก็เล่นได้ในที่สุด


ทีมงาน - ความชอบใจทางดนตรีที่หลากหลาย ส่งอิทธิพลไปถึงงานเพลงได้ขนาดไหน?

ณธนา - ถ้าในด้านงานเพลงทั่วไปก็ไม่เท่าไหร่ คือทำไปตามกระแสหรือความต้องการของคนอื่นๆ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจและอยากทำให้สำเร็จก็คืองานเพลงในสไตล์ดนตรีไทยร่วมสมัย คือ วันหนึ่งมีน้องผู้หญิงมาคุยเพื่อที่จะร่วมทำงานเพลงด้วยกัน เราก็สอบถามความสามารถต่างๆของเขา น้องเขาเก่งมาก จบนอก ร้องเพราะ ผมถามว่าเล่นดนตรีอะไรได้บ้าง เขาก็ตอบว่าเปียโนกับไวโอลิน คุยไปคุยมาผมหยิบซอมาสีเล่นๆ น้องเขาก็บอกว่าสีได้เหมือนกัน ผมก็อ้าวตอนแรกทำไมไม่บอกว่าสีซอได้ น้องเขาตอบว่าเขาอายไม่กล้าบอก คำตอบนี้ทำให้ผมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอันเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับวงการดนตรีไทย ของของบรรพบุรุษ ของของเรา กำลังจะถูกลืมไปจากใจของคนไทยไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แน่ๆ ผมเลยพยายามสร้างงานที่มีการผสมผสานความเป็นไทยกับสากลออกมา เพื่อให้คนไทยไม่ลืม และเกิดความประทับใจ หันมาเห็นคุณค่าและยอมรับความเป็นดนตรีไทยมากกว่านี้ 

ทีมงาน - การทำดนตรีได้หลากหลายมากๆขนาดนี้ มีผลกับจิตใจของเราเองอย่างไรบ้าง? เช่น เคยรู้สึกถึงความซับซ้อนทางอารมณ์ เดี๋ยวมุทะลุ เดี๋ยวใจเย็น หรือเดี๋ยวฟุ้งซ่านปั่นป่วน เดี๋ยวสงบผาสุกบ้างไหม?

ณธนา -ในวันนี้ผมรู้สึกว่าในชีวิตที่ผ่านมานั้นการที่จิตใจผมจะร้อน จะเย็น จะฟุ้งซ่านหรือปั่นป่วน มันอยู่ที่ใจของผมเองแต่ดนตรีเนี่ยช่วยให้ผมมีทางออกที่ดีมากกว่าที่จะมาทำให้อารมณ์ของผมแปรปรวนไปในแบบต่างๆ บ่อยครั้งที่มีอะไรกระทบกับอารมณ์ผมก็ระบายออกมาเป็นเพลง เขียนเก็บเอาใว้ เล่นดนตรีเป็นทำนองต่างๆบันทึกเก็บเอาใว้เพราะฉะนั้นเพลงแต่ละเพลงที่ผมทำเป็นเหมือนสมุดบันทึกของชีวิตในแต่ละช่วงเลยครับ


ทีมงาน - ได้ยินว่าทั้งแกรมมี่และอาร์เอสเคยต้องการตัวคุณณธนาอย่างแรงพร้อมๆกันในช่วงหนึ่ง อยากทราบว่าเรามีความสามารถเข้าตากรรมการ หรือเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างไร?

ณธนา - อ๋อ... ตอนนั้นทำงานเพลงมาชุดหนึ่ง แล้วลองส่งเสนอทั้งสองค่าย ปรากฏว่าเขาชอบกันทั้งคู่ และต่างต้องการจะให้ไปออกเทปกับเขา ก็เลยมานั่งเครียดว่าจะเลือกที่ไหนดี


ทีมงาน - ทราบว่ายุคหนึ่งเพลงของคุณณธนาถูกเรียกกดในตู้คาราโอเกะกันมากที่สุด มีผลงานเพลงไหนของคุณณธนาที่ติดตลาดบ้าง?

ณธนา -ก็ทำอยู่หลายเพลงและหลายอัลบั้มนะครับแต่ที่น่าจะเด่นสุดก็น่าจะเป็นในงานของนาตาลี ชุด มะลึกก๊กกึ๋ยส์ โดยแกรมมี่ แล้วก็ นายครรชิตกับทิดแหลม โดยอาร์เอส


ทีมงาน - เป็นแนวเพลงแบบไหน?

ณธนา - ออกแนวทะลึ่งๆ กวนๆ อะไรประมาณนี้ครับ


ทีมงาน - บางช่วงถ้าได้รับคำสั่งให้แต่งเพลงบีบน้ำตาคนฟัง คุณณธนาเคยย้อนนึกถึงเจตนาในการทำเพลงบางเพลงแล้วรู้สึกผิดบ้างไหม?

ณธนา - (หัวเราะ) ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าอยากแต่งเพลงให้คนที่อกหักอยู่ ฟังเสร็จฆ่าตัวตายเลย! แบบว่าตอนนั้นอิจฉาคนแต่งเพลงที่เคยทำวีรกรรมทำนองนี้ได้สำเร็จ คิดว่าเรานี่คงจะเจ๋งสุดๆถ้าทำได้อย่างเขาบ้าง แต่ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว พยายามในสิ่งที่เป็นตรงกันข้ามด้วยซ้ำ อยากทำเพลงที่ให้กำลังใจ และให้หันมาเห็นความสว่างของชีวิต แค่เจตนาก็เทียบได้ รู้สึกเลยจริงๆว่าแต่ก่อนตัวเองเลวมาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว (หัวเราะ)


ทีมงาน - แสดงว่างานเพลงบางประเภทนี่อาจเหมือนมนต์สะกดให้จิตใจเราขาดจิตสำนึกไปได้?

ณธนา - ถ้าให้เล่าคือผมรู้สึกอยู่ช่วงหนึ่งว่าจิตใจมันด้านชาผิดมนุษย์มนา ขนาดคนจะฆ่าตัวตายให้ดูตรงหน้าผมยังเฉยๆเลย อยากตายก็ตายไปสิ ไม่ขยับเข้าไปห้ามด้วย ดีว่าไม่ตายนะ (หัวเราะ) ทุกวันนี้ย้อนนึกแล้วรู้สึกผิดแล้วก็นึกละอายกับการกระทำต่างๆในช่วงที่จิตใจด้านชามากๆ มันเหมือนเป็นคนละคนกันเลยจริงๆ



ทีมงาน - ธรรมะเปลี่ยนใจ ใจเปลี่ยนเพราะธรรมะ?

ณธนา - ผมรู้สึกเหมือนตอนนี้เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ และมีแสงสว่าง มันต่างจากตอนขาดจิตสำนึก ขาดความรับผิดชอบ และขาดความสว่าง ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการยอมเปิดหัวใจให้ธรรมะ


ทีมงาน - จุดเริ่มต้นของการหันหน้าเข้าหาแสงสว่าง สนอกสนใจธรรมะ มาจากอะไร เมื่อไหร่?

ณธนา -ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่แรงมากๆโมโหร้าย ไม่ไหว้พระสงฆ์เพราะบ้านอยู่ใกล้วัดได้ยินแต่เรื่องไม่ดีของพระมามากมาย เคยรับใช้พระแล้วไปเจอวิดีโอโป๊ในลิ้นชักด้วย (หัวเราะ) แถมในทีวีก็มีแต่ข่าวพระทำผิดให้เห็นบ่อยๆ พอพระสวดผมเลยไม่ยกมือไหว้ ไม่ฟัง แถมชักชวนคนอื่นให้เลิกไหว้ด้วย เพราะพระไม่ได้สวดภาษาไทย ฟังไม่ออก จนวันหนึ่งมีโอกาสพบกับพระรูปหนึ่ง ผมถามคำถามท่านด้วยความโง่เขลาและอยากจะเอาชนะว่าศาสนาพุทธไม่เห็นดีเลย พระสงฆ์ก็ทำผิดกันมากมาย หาไหว้ใครไม่ได้เลยแล้ว ผมจะนับถือไปทำไม แต่ท่านตอบผมด้วยความเมตตากลับมาว่า ผมเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าไหม? ผมก็ตอบว่าเชื่อ แต่ท่านก็ไม่อยู่แล้วนี่ ท่านถามต่อว่าแล้วเชื่อในพระธรรมคำสอนไหม? ผมก็ตอบว่าก็พอจะเชื่อได้ ท่านก็บอกว่าพระสงฆ์คือผู้เผยแพร่ศาสนา พระสงฆ์ทำผิดแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ผิด ไม่ได้เสื่อมลง มันคนละส่วนกัน นั่นแหละความคิดแวบขึ้นมาในหัวผมเลย จิตใจเราอ่อนลงทันที จากนั้นมาก็เริ่มให้โอกาสกับตัวเอง หันมาศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับจนกระทั่งปัจจุบัน


ทีมงาน - คุณณธนาได้ชื่อว่ามองเห็นลู่ทางทำเงินในตลาดเพลงระดับแถวหน้าคนหนึ่ง ปัจจุบันเมื่อเริ่มหันเหความสนใจมาในทางศาสนา เคยมีไหมที่ต้องตัดใจ ได้ไอเดียแล้ว หรือแต่งเพลงแล้วทิ้ง?

ณธนา - มีครับ! หลายเพลงเหมือนกัน บางเพลงก็ออกแนวทะลึ่ง บางเพลงก็เป็นการชี้นำไปในทางไม่ค่อยจะดี บางเพลงถ้าทำออกไปก็จะถูกสร้างภาพออกมาในแนวเซ็กซี่ ซึ่งเพลงเหล่านี้คือให้ใครๆฟังก็ชอบ ก็ขำกันทุกคน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ส่งออกไปแล้ว แต่ตอนนี้คิดใหม่แล้วก็เลยตัดสินใจไม่เผยแพร่ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าทำออกไปต้องมีคนชอบ คนโหลดกันมากมายได้เงินเยอะแยะ


ทีมงาน - เสียดายเงินไหม?

ณธนา -เสียดายครับ แต่กลัวบาปมากกว่า! ผมว่าเพลงแต่ละเพลงมีพลังของมันอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์ผลงาน ว่าจะทำขึ้นมาเพื่อให้เกิดผลอย่างไรกับคนฟัง ถ้าฟังแล้วเศร้าโศกเสียใจ รันทดใจ มีจิตใจขุ่นมัวจมอยู่กับความทุกข์ ก็ไม่ต่างกับเราหยิบยื่นมีดดาบหรือยาพิษให้กับเขา แต่ถ้าฟังแล้วจิตใจชื่นบาน ผ่องใส สว่างไสว มีกำลังใจ ก็เหมือนกับเราหยิบยื่นดอกไม้สีสวยหรือสิ่งดีๆให้แทน


ทีมงาน - แล้วผลงานในปัจจุบันที่ยังทำเงินให้ มีอะไรอยู่บ้าง?

ณธนา -ก็มีเพลงประกอบละคร เพลงประกอบรายการโทรทัศน์ เพลงประจำองค์กร เพลงประกอบการ์ตูน เป็นต้นครับ


ทีมงาน - ทำไมถึงเลือกทำสื่อเกี่ยวกับการ์ตูน?

ณธนา - พอดีจู่ๆวันหนึ่ง ผมแวบคิดขึ้นมาว่างานที่ผมทำในตอนนั้น ไม่ใช่การทำมาหากินที่สว่างนัก งานออกมาแต่ละชิ้นชี้นำไปในทางลงต่ำเกือบหมด เลยกลัวบาปกลัวกรรมขึ้นมา ไม่อยากจะทำอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว ก็เลยตัดสินใจไปสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิที่ห้องพระ แล้วอธิษฐานจิตด้วยความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก เปล่งเสียงเลย "ข้าพเจ้าไม่ต้องการจะทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ขอพรพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยปิดโอกาส ขอให้งานมืดๆเหล่านั้นจงหมดไปจากชีวิต" อธิษฐานแล้วก็กลัวตายนะครับ (หัวเราะ) แต่กลัวบาปกลัวกรรมมากกว่า จากนั้นก็อธิษฐานต่อไปอีกว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้งานที่สว่างมาทำเพื่อเลี้ยงชีพด้วยเถิด จากนั้นผ่านไปประมาณ ๔ วัน พี่คนหนึ่ง คือ คุณธนันต์ วัลลีนุกุล ก็เดินเข้ามาในชีวิตผมด้วยความบังเอิญ พร้อมกับงานการ์ตูนดีๆมีสาระ ส่งเสริมศาสนาและคุณธรรม ผมเริ่มต้นจากงานนั้นเป็นงานแรก มันแจ๋วตรงที่ผมก็ยังทำในสิ่งที่ถนัดอยู่ ทำมาจนถึงทุกวันนี้เลย และพี่คนนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญและมีบุญคุณกับผมมากเพราะเป็นผู้ที่ชักนำสิ่งดีต่างๆเข้ามาในชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานหรือให้ได้พบกับคนดีและโอกาสดีๆ

ทีมงาน - ผลงานล่าสุดที่คุณณธนามอบให้กับทุกคนบนอินเตอร์เน็ตฟรีๆ คืองานเพลงพุทธคุณ ซึ่งแค่ดนตรีช่วงอินโทรก็จูงใจให้หลายคนเงียบฟังได้นิ่งๆแล้ว อยากให้คุณณธนาเปรียบเทียบความรู้สึก ทั้งในระหว่างการทำเพลง และหลังจากทำเพลงเสร็จแล้ว ว่าแตกต่างจากการทำเพลงแบบโลกๆแค่ไหน?

ณธนา - ตอนที่เล่นเสร็จแล้วฟังเองครั้งแรกนะ ขนลุกเลย แค่คิด แค่พูดถึงเพลงนี้ ก็รู้สึกแสนดีแล้ว ยิ่งตอนลงมือทำ รวมถึงหลังจากเสร็จสมบูรณ์แล้ว ความรู้สึกปีติยินดีก็ยังคงอยู่ สัมผัสได้ทุกครั้งที่นึกถึง ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยตอนทำเพลงแบบโลกๆ


ทีมงาน - แล้วในความเป็นจริง ปัจจุบันยังต้องทำเพลงบีบน้ำตาตามคำสั่งอยู่ไหม?

ณธนา - ล่าสุดก็... ทำเพลงละคร เขียนเต็มที่ก็กะให้ฟังแล้วเหงาเท่านั้น ไม่ให้ฟังแล้วไปตอกย้ำอารมณ์เศร้าหรือฟูมฟายอะไรมากไปกว่าที่เป็น


ทีมงาน - คาดหวังเรื่องการทำเพลง หรือทำงานวงการบันเทิงในอนาคตไว้อย่างไร?

ณธนา -อยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคิดกันให้ดี ก่อนจะตัดสินใจมอบอะไรแก่ผู้ชมและผู้ฟัง เพราะทุกสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมา มันไม่ได้มีอิทธิพลกับโลกอย่างเดียว แต่จะมีผลอะไรบางอย่างตกมาถึงเราด้วย ถึงแม้บางงานเพลงที่เราสร้างแล้วคนอื่นไม่ได้ยิน แต่เรานั่นแหละที่ได้ยิน และใจเราก็ถูกกระทบจากเพลงก่อนใครด้วย!

• • • • •  • • • • • • • •  • • • • • • • •  • • • • • •


เรื่องน่าสนใจประจำฉบับ

ศาสตร์ทั้งโลก ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหนีทุกข์ 
แต่ศาสนาพุทธกลับสอนให้ "รู้ทุกข์"
เพื่อที่วันหนึ่งจะพ้นทุกข์ได้อย่างถาวร 
การเรียนรู้ทุกข์ ทำให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างไร? 
พบคำตอบได้ที่คอลัมน์ "ธรรมะจากพระผู้รู้" ค่ะ (-/\-)

อ่านไปอมยิ้มไปกับคอลัมน์ "ไดอารี่หมอดู" ^_^ 
ฉบับนี้ "หมอพีร์" ขอแฉพฤติกรรมน่ารักน่าหยิกของลูกชายตัวน้อย 
พร้อมแนะวิธีสอนลูกปฎิบัติธรรม 
ใครอ่านแล้วอยากนำไปใช้บ้างก็ไม่ว่ากันนะคะ

ใครที่ชื่นชอบการ์ตูน  พลาดไม่ได้กับคอลัมน์ "สัพเพเหระธรรม" ค่ะ 
ฉบับนี้ พาไปชมผลงานที่ได้รับรางวัลจาก "โครงการการ์ตูนธรรมะ"
โดยเว็บไซต์การ์ตูนธรรมะ http://www.cartoondhamma.com
มาดูกันค่ะว่า "ธรรมะกับการ์ตูน" เมื่อผสมกันอย่างลงตัวแล้ว  
จะน่าประทับใจขนาดไหน ^^* 

จากนั้น มาต่อกันด้วยข้อคิดดีๆ  
จากบทสัมภาษณ์ของ "คุณดังตฤณ" ในงานประกาศรางวัล 
ที่คอลัมน์ "ธรรมะกับไลฟ์สไตล์" ค่ะ

• • • • •  • • • • • • • •  • • • • • • • •  • • • • • •


ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช รับนิมนต์มาแสดงธรรมเทศนา 
    ที่เสถียรธรรมสถาน วันอาทิตย์ที่ ๖ กันยายนนี้ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๓๐ น.  
    ในหัวข้อ "หนทางอริยะ" งานนี้ไม่ต้องสำรองที่นั่งค่ะ _/|\_ 

    แผนที่ :  
    http://www.sdsweb.org/th/contentimage//word/09-Download/06-Jun21-09-SDS-map-SS.jpg

    ที่จอดรถด้านใน ขับตรงผ่านประตูใหญ่เสถียรธรรมสถาน 
    เห็นทีวีไดเร็คก็เลี้ยวซ้าย ข้ามสะพานเล็กๆ แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที
    จะมีทางเข้าที่จอดรถด้านหลังค่ะ  
    หรือจอดโลตัสก็ได้นะคะ เดินผ่านสวนหย่อมร่มรื่น  
    มีธรรมะเสียงตามสายให้ฟังระหว่างเดินค่ะ (^^)
  • มูลนิธิบ้านอารีย์และอาสาสมัครน้ำใจงาม  
    มาพร้อมโครงการใหม่ "โครงการเอื้ออารีย์" 
    ให้ความช่วยเหลือทั้งทางร่างกายและจิตใจ 
    โดยมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ประสบปัญหาความทุกยากเดือดร้อน  
    กลับมาช่วยตัวเองได้  
    โทรปรึกษาปัญหาต่างๆ ได้ที่ ๐๒ - ๖๑๙ - ๗๔๗๔ 
    หรือต้องการพบทีมงานอาสาอารีย์ โครงการเอื่ออารีย์ 
    ติดต่อได้ในวันจันทร์, พุธ, ศุกร์ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. นะคะ ^_^ 

    แผนที่ :
    http://baanaree.net/images/map.jpg

    ติดตามรายละเอียดได้ในกระทู้ค่ะ 
    http://larndham.net/index.php?showtopic=35923&st=0
  • ข่าวดีค่ะ  นิตยสารธรรมะใกล้ตัว Lite  
    เปิดช่องทางใหม่ให้พูดคุย และติดตามข่าวสารของนิตยสาร 
    ผ่าน facebook ได้แล้ว ^_^ 
    ขอเชิญเข้าไปร่วมพูดคุย และอ่านวิธีการสมัครได้ตาม Link นี้เลยค่ะ 
    http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&id=154&catid=56&Itemid=59

 

• • • • •  • • • • • • • •  • • • • • • • •  • • • • • • • •  • • • • • • • •  • • • •

พบกันใหม่พฤหัสหน้ากับฉบับ Lite ที่ http://www.dlitemag.com
สวัสดีค่ะ