Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๑๐๓

ร้อน เซ็ง เครื่องบินตก!

dungtrin

ช่วงมหาวิทยาลัยผมต้องเรียนวิชาสถิติ
ซึ่งมีโจทย์หลายข้อเร้าใจให้ตาตื่นได้
ส่วนใหญ่อยู่ในบทเรียนเกี่ยวกับการศึกษา
หาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ
ที่ดูเผินๆเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวกัน
เช่น ช่วงเวลาข้างขึ้นข้างแรมมีผลกับหุ้นขึ้นหุ้นลงแค่ไหน
เมื่อสงสัยอยากรู้ ก็มีการบันทึกผล
พอบันทึกไว้มากพอก็เอามาเทียบดู
ถ้าปรากฏว่าข้างขึ้นข้างแรมเหวี่ยงค่าหุ้นได้จริง
ก็แปลว่าดวงจันทร์มีนัยสำคัญกับอารมณ์ของนักเล่นหุ้น
หรือไม่ก็มีนัยสำคัญกับปัจจัยบวกลบของหุ้น
ซึ่งนั่นก็ต้องทำการวิเคราะห์กันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
หาคำอธิบายเป็นเหตุเป็นผลกันต่อไปว่าอย่างไรแน่

ช่วงนี้ผมเจอข่าวบางข่าวซ้ำๆที่กระตุกความสนใจ
คือ เครื่องบินตกบ่อยมาก
ลองสืบหาจากกูเกิ้ลก็ปรากฏว่ามีข่าวเครื่องบินเล็กตกถี่ๆ
ตั้งแต่ปี 2009 โน่นแล้ว
(ใช้คีย์เวิร์ด why plane crash lately)
เพียงแต่ช่วงหลังขนาดเครื่องบินที่ตกบ่อยมันใหญ่กว่าเดิม
จึงมีการนำเสนอข่าวออกสื่อมากกว่าเดิม

แล้วช่วงนี้เช่นกัน ก็ให้เผอิญได้ยิน หรือได้อ่านคนบ่น
ประมาณว่า เบื่อจะตายอยู่แล้ว (โว้ย!)
คือต่างคน ต่างวัน ต่างสถานการณ์บีบคั้น
แต่ก็พ่นคำบ่นแบบเดียวกัน ใช้คำหยาบๆคายๆคล้ายกัน
ราวกับติดโรคระบาดกันมาก็ไม่ปาน

หากคิดสนุกแบบนักสถิติ
ผมอาจเอาประสบการณ์ตรงที่เจออะไรสองอย่างข้างต้นบ่อยๆ
มาเป็นตัวตั้งคำถามว่ามันเกี่ยวกันไหมเนี่ย
เมื่อใดมีคนบ่นว่าเบื่อสุดทนแทบคลั่งตายเป็นจำนวนมากๆ
เมื่อนั้นอาจมีข่าวเครื่องบินตกแทบไม่เว้นแต่ละวัน!

ช่วงนี้อากาศร้อน แล้วคลื่นความร้อนคลื่นแม่เหล็กโลก
ก็เห็นว่าป่วนๆอยู่ หากศึกษาจริงจัง
อาจเห็นความเกี่ยวข้องกันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ก็ได้
คือทุกอย่างบนโลกวิปริต อารมณ์คนเลยแปรปรวน
แล้วก็มีผลเป็นรูปธรรมแบบที่เห็นกันได้หยาบๆ
เดี๋ยวเครื่องบินตกที่โน่น เดี๋ยวเครื่องบินตกที่นี่

เขียนแบบข้างต้นเขาเรียกนั่งเดาส่งเดช
ยังไม่มีการนำข้อเท็จจริงใดๆมาพิสูจน์ว่าเดาถูกหรือเดาผิด
และว่าที่จริงแล้ว ศาสตร์เกี่ยวกับสถิติหาความเกี่ยวพัน
ก็บอกอยู่ในตัวเองว่า "คิดได้แค่ไหน ไม่จำเป็นต้องมีอยู่แค่นั้น"
เช่น ผมสนใจเรื่องเสียงบ่นและเครื่องบินตก
ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่เข้ามากระทบหูกระทบตาบ่อยๆในช่วงหลัง
แต่ความจริงอาจมีเหตุอื่นๆเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกว่านี้อีกมาก
สามารถขยายขอบเขตความสงสัยออกไปได้ไม่สิ้นสุด เช่น
เมื่อคนบ่นเบื่อมาก เครื่องบินตกบ่อย
ให้สันนิษฐานได้เลยว่าจะมีแผ่นดินไหวระนาว
แล้วก็เกิดน้ำท่วมถี่แบบจะล้างเมืองกันหลายแห่งด้วย ฯลฯ

ความสงสัยอยากรู้คำตอบทำนองนี้
ขยายผลออกไปเป็นศาสตร์ของการมองภาพรวม
เพื่อตั้งคำถามสำคัญที่สุดคือ
ถ้าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนสัมพันธ์กัน
มันแปลว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่?
ถ้ารู้แล้วจะให้ทำอย่างไร?

ว่ากันให้สุดไปข้างหนึ่งเลย
เมื่อตระหนักว่าชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
คุณควรเลือกอะไรระหว่าง...
ก) ว้าวุ่นใจแบบกระต่ายตื่นตูม
(ซึ่งอาจกลายเป็นเหตุให้พลัดหล่นจากเชือกก่อนกาลอันควร)
ข) ทำใจให้สบายเหมือนน้ำใสไหลเย็น
(แม้ตกจากเชือกก็จะได้ตกอย่างสบายใจ)

หรืออีกสักคำถามหนึ่ง
ถ้ากำลังอยู่ในบ้านที่ไฟไหม้ร่วมกับศัตรู
ท่าทางจะไปไม่รอดทั้งคู่ คุณควรทำอย่างไรระหว่าง...
ก) ทำลายล้างกันและฝากคำทิ้งท้ายว่า "แล้วเจอกันในนรก"
ข) เห็นชีวิตเป็นของแค่นี้ อภัยและให้พรว่า "ขอให้ไปดีตามทาง"

เวลาเลือกแบบ ก.ไก่ ข.ไข่ ทุกคนทำได้เหมือนตอนประถม
คือเลือกในสิ่งที่สามัญสำนึกบอกว่าถูกที่สุด ดีที่สุด

แต่ตอนเป็นผู้ใหญ่ที่จบปริญญากันแล้ว
บางทีอารมณ์ก็ซับซ้อนเสียจนอาจเลือกอะไรที่ค้านกับสามัญสำนึก
ไม่ได้คำนึง ว่าอะไรผิดอะไรถูก
แล้วผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

ไม่ยากนักที่จะเห็นอารมณ์ว้าวุ่นขุ่นเคือง
แต่ยากจะเห็นว่าเหตุการณ์ที่ตามหลังมามีอะไรได้บ้าง

ช่วงนี้เรื่องดีแทบไม่มีให้เห็น
แต่จะเกิดเรื่องโป้งป้างโครมครามกับโลกภายนอกอย่างไร
ก็ขอให้รักษาใจตัวเองเป็นหลักดีกว่านะครับ
แผ่นดินไหว น้ำท่วมเมือง ไฟป่าลาม พายุถล่ม
ไม่ได้ทำความเสียหายยิ่งไปกว่าวิญญาณมืดบอดลงหรอก
เพราะที่อยู่ที่อาศัยนั้น เดินไปข้างหน้าก็หาใหม่ได้
แต่เมื่อจิตวิญญาณมืดบอดลงแล้ว
พระอาทิตย์กี่ล้านดวงก็ช่วยให้สว่างขึ้นใหม่ไม่ไหว
สมกับที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าโลกันตนรกว่ามืดสุดมืดแล้ว
จิตที่มืดด้วยบาปอกุศล และความไม่รู้ ยิ่งมืดมนน่ากลัวกว่านั้น

โลกนี้ มีผิด มีถูก มีเด่น มีพัง
แต่จิตไม่มีผิด ไม่มีถูก ไม่มีใครสร้างขึ้นมา ไม่มีใครทำลายล้างได้
มีแต่เกิดดับเป็นขณะๆจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง
มีแต่ติดอยู่ในความสว่างนาน มีแต่แช่อยู่ในความมืดยาว

เป็นไปตามกรรม ไม่ใช่เป็นไปตามความบังเอิญ
และไม่ใช่เป็นไปตามอำนาจอื่นใดนอกเหนือจากนั้น!

หากไม่รักษาใจไว้ในช่วงนี้
หรือกระทั่งละเลยไม่พยายามทวนกระแสเร่งขึ้นสูง
ผมเกรงว่าแม้ตัวเราก็อาจเข้าหลักพินาศตามปัจจัยแวดล้อม
แค่ชะล่า เบื่อแล้วแหกปาก โกรธแล้วลงไม้ลงมือ
ก็อาจเป็นสัญญาณว่าคุณคือหนึ่งในสิ่งที่ถูกดูดหายเข้าหลุมดำ

หลุมดำนั้น มีกำลังรวบหัวรวบหาง
ขนาดแสงสว่างยังเล็ดรอดหนีออกมาไม่ได้เลยนะครับ!

ดังตฤณ
กันยายน ๕๓


--------------------------------------------------------------

เรื่องน่าสนใจประจำฉบับ

เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตสำหรับนักปฏิบัติธรรม
คอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ" ฉบับนี้
"คุณดังตฤณ" จะมาช่วยไขข้อข้องใจที่ว่า
"ทำความเพียรแค่ไหนจึงจะเรียกว่าพอดี" ค่ะ

ธรรมชาติของจิตมนุษย์นั้นคอยแต่จะไหลลงต่ำ
การจะฝืนใจทำสิ่งดีงามเพื่อเอาชนะธรรมชาติ
จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
คอลัมน์ "ไดอารี่หมอดู" ฉบับนี้
"หมอพีร์" จะมาสอนวิธีขัดใจตัวเอง
เพื่อเป็นมนุษย์ทวนกระแส(กิเลส)กันนะคะ

คอลัมน์ "ของฝากจากหมอ" ฉบับนี้
เก็บมาฝากจาก "พญ.ณัฐชญา ไมตรีเวช" ค่ะ *^_^*
คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่คะ ว่าแพทย์สมัยนี้สามารถวินิจฉัยได้
ว่าโรคไหนเป็นกรรมเก่า โรคไหนเป็นกรรมปัจจุบัน 0_0?
ไม่เท่านั้น ยังสามารถบอกวิธีแก้กรรมได้ด้วย
ชักน่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ อย่ารอช้า คลิกอ่านได้เลย
ในตอน "แก้กรรม... แก้โรค" ค่ะ

 

--------------------------------------------------------------

ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • งดกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ดังต่อไปนี้
    - วันอาทิตย์ที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
    - วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่โรงพยาบาลศิริราช
    - วันอังคารที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ม.สุโขทัยธรรมาธิราชและที่อื่น ๆ
  • ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไฟล์เสียงอ่านนิตยสารธรรมะใกล้ตัวค่ะ ^_^
  • ทีมเสียงอ่านฝากแจ้งข่าวมาว่า ขณะนี้มีบางคอลัมน์ที่เสียงอ่านพร้อมแล้ว
    สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่
    http://dharmamag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=306&Itemid=77

    ดังรายการต่อไปนี้ค่ะ
    - คอลัมน์ จากใจ บ.ก. ฉบับ ๙๘ และ ๑๐๒
    - คอลัมน์ ดังตฤณวิสัชนา ฉบับ ๙๙ - ๑๐๑
    - คอลัมน์ ไดอารี่หมอดู ฉบับ ๙๙ และ ๑๐๑

    สำหรับไฟล์เสียงอื่นๆ ทีมงานจะอัพเดทให้ทราบต่อไปค่ะ

--------------------------------------------------------------

พบกันใหม่พฤหัสหน้า
ที่ www.dlitemag.com นะคะ
สวัสดีค่ะ (^_^)