Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๙๕

"ทำยังไงดี - คิดไม่ดีอยู่เรื่อย"

dungtrinถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังทรมานใจอยู่กับความคิดสกปรก ความทรงจำแย่ๆ หรือความลับน่าอับอายเกินกว่าจะให้ใครรู้ว่าเราก็คิดอย่างนี้ได้ ขอให้ทราบเถิดว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยว ยังมีคนอีกทั้งโลกเป็นเพื่อน ที่สำคัญว่าคิดบ้าๆอยู่คนเดียวก็เพราะไม่ได้เปิดอกนั่งจับเข่าคุยกันเท่านั้นแหละ ใครเล่าจะอยากขุดเอาความคิดเพี้ยนๆเลอะเทอะในหัวของตัวเองออกมาแฉให้คนอื่นร่วมรับทราบไปด้วย

คลื่นความคิดที่กระทบใจแล้วรบกวนเราได้แรงๆนั้น ไม่จำเป็นต้องชั่วช้าสามานย์อะไรมาก แค่คำด่าบางคำที่ใครบางคนมาปล่อยเรี่ยราดตามเว็บบอร์ด โดยชี้นำให้คิดโยงคำด่านั้นไปหาคนที่คุณนับถือ ก็เพียงพอแล้วที่มันจะกลายเป็นอาถรรพณ์ ตามมาวนเวียนหลอกหลอนคุณ ยั่วยุให้คุณนึกถึงคำวิปริตนั้นวันละเป็นสิบเป็นร้อยรอบ คล้ายมีวิญญาณร้ายแฝงอยู่ในสมองของคุณก็ไม่ปาน

ลองมาหาคำตอบกันดูครับ ความเข้าใจถึงที่มาที่ไป ตลอดจนอุบายต่อไปนี้ อาจช่วยคุณให้พ้นทุกข์จากความคิดชนิดบาดใจได้ในเวลาไม่นานนัก

ความคิดไม่ดีมาอยู่ในหัวเราได้อย่างไร? และที่ร้ายกว่านั้น ทำไมมันถึงเกิดขึ้นบ่อยๆ ทั้งที่เราเกลียดความคิดแบบนั้นแทบดิ้นตาย?

คำตอบคือใจเราเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่เข้าไปติด เข้าไปข้อง หรือเข้าไปยึดมั่นสิ่งที่รักแรงหรือเกลียดแรงได้อย่างเหนียวแน่น และความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นนั้นเอง เป็นตัวการผลิตความคิดถึงสิ่งที่ยึดได้เรื่อยๆ

ขอให้นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง คุณเห็นเขาหรือเธอปรากฏตัวก็อยากถลาเข้าไปกอดรัดให้เต็มอ้อมทันที อาการอยากกอดรัดทางกายนั้นแหละ สะท้อนให้เห็นอาการยึดติดทางใจประมาณเดียวกัน

ส่วนบุคคลอันเป็นที่ชิงชังยิ่งสำหรับคุณ เมื่อใดปรากฏตัว คุณจะอยากเบือนหน้าเดินหนี แต่เหมือนเขายังเป็นเงาติดตามคุณมาทุกฝีก้าวไม่ห่าง นั่นเพราะใจคุณไม่เคย "ทิ้ง" เขาเลย หรือถ้าคุณเกลียดจัด แทนที่จะอยากเดินหนี คุณอาจอยากถลาเข้าไปเขย่าคอ ชกหน้า ตบตี หรือทำร้ายร่างกายเขาเลยด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นเครื่องแสดงอาการยึดของจิตอีกแบบ เกลียดกันแล้วก็ยึดว่าต้องทำลายล้าง ต้องทำให้เจ็บปวดในทางใดทางหนึ่ง ปล่อยให้ลอยนวลสบายๆไม่ได้

เมื่อรักแรงแล้วคิดถึงบ่อยๆย่อมเป็นสุขสดชื่น แต่หากเกลียดแรงแล้วคิดถึงบ่อยๆ ย่อมเป็นทุกข์ อึดอัด ไม่สบายใจ กระวนกระวาย หรือกระทั่งพาลพาโลเกลียดตนเองไปด้วย ค่าที่รู้สึกว่าความคิดคือเรา เราคือความคิด เมื่อความคิด "น่าเกลียด" ตัวเราก็ย่อมน่ารังเกียจไปด้วย

อาการที่สะท้อนความทรมานใจกับความคิดในหัวแต่ละครั้งอาจแตกต่างกันไป ถ้าอาการน้อยหน่อยก็อาจแค่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่กับตัวเอง แต่ถ้าอาการหนักหน่อยก็อาจทำท่าฟึดฟัดงุ่นง่าน จนคนอยู่ใกล้ต้องหันมาถามว่า "เป็นอะไร?" อย่างอดสงสัยไม่ได้

ยิ่งหากคุณรู้สึกว่าความคิดที่เสียดแทงหัวหูอยู่นั้น เป็นเรื่องน่าอับอายเกินกว่าจะปรึกษาใคร เรียกว่าไม่กล้าเปิดเผยกันตลอดชีวิต ก็ยิ่งย้ำติดและคิดหนัก เช่น คำหยาบที่โยงเข้ากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือความคิดทางเพศกับญาติเชื้อ แม้คุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้คิด ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากอยู่ข้างเดียวกับความคิดพรรค์นั้น มันก็ยังคงวนเวียนเยี่ยมหน้ามาไม่เลิก ราวกับมีศัตรูตามราวีตนอยู่ในตัวเอง

หลายคนต้องทรมานใจเป็นสิบๆปี เพียงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาความคิดบัดสีบัดเถลิงหรือความคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากหัวของตัวเองได้อย่างไร บ้างก็หาทางออกด้วยการเข้าหมู่เข้าพวกกับคนถ่อยไปเลย จะได้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาให้รู้แล้วรู้รอด อันนี้นับเป็นทางออกที่มืดมนที่สุด และเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าความคิดในหัวไม่ใช่แค่ลมแล้งเล็กน้อย ถ้าแกะไม่ออก ถอดไม่หมด ชีวิตก็อาจพลิกจากด้านสว่างเข้าสู่ด้านมืดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ผมขอให้คุณๆมองอย่างนี้ครับว่า ยิ่งหาทางแก้ความคิดไม่ดี ก็ยิ่งตอกย้ำให้กลุ้มว่าเราคือเจ้าของความคิดไม่ดี อย่าไปทำอย่างนั้นเลย หาทางเป็นคนละข้างกับมันดีกว่า?

วิธีการก็ไม่ได้ยุ่งยาก และสามารถทำได้จริง คือ ในแต่ละครั้งที่ความคิดเลวร้ายมันผุดขึ้นในหัว ให้ดูว่ามันมาเอง เราไม่ได้เชิญ!

ก็ถ้าเราไม่ได้พามันมา เราไม่ได้เป็นฝ่ายเชื้อเชิญมัน แล้วทำไมมันจะต้องเป็นความรับผิดชอบของเราด้วย?

สิ่งใดเกิดขึ้นในหัวของเรา ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นตัวเราหรือของเราเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณไปเก็บตกคำด่าที่สาดกระจายเรี่ยราดตามเว็บบอร์ด แล้วเอามานั่งกลุ้ม เพราะคำนั้นดันติดแน่นฝังหัว ผุดขึ้นในหัวของคุณบ่อย ทั้งๆที่คุณไม่อยากให้มีคำนั้นขึ้นมาในโลก อย่างนี้ให้ตั้งหลัก ตั้งสติ แล้วคิดย้อนศรง่ายๆว่าคำหยาบเป็นวจีทุจริตของคนอื่น เป็นการจงใจสื่อสารที่ชั่วร้ายของคนอื่น มันไม่ใช่คำของคุณมาแต่แรก คุณไม่ได้ชั่วร้ายอย่างเขา แต่คุณ "เคราะห์ร้าย" ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปเกิดความเกลียดคำๆนั้นเข้า จิตเลยเกิดอาการยึดคำนั้นไว้เต็มเหนี่ยวด้วยพลังมืดของความเกลียด ดังกล่าวไว้แล้วแต่ต้น

เมื่อยึดมากก็หวนกลับมาคิดมาก และยิ่งรู้สึกคล้ายเป็นเจ้าของความคิดเสียเองมากขึ้นทุกที การทึกทักหลงยึดว่าความคิดนั้นๆเป็นของคุณ เป็นตัวคุณนั่นแหละ ก่อความรู้สึกผิดขึ้นมา จนกระวนกระวายเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ

พอพิจารณาอย่างละเอียดเท่านี้ คุณจะเริ่มโล่งใจ สบายใจขึ้น อย่างน้อยก็มีแก่ใจจะรับมือกับความคิดเลวร้ายอย่างถูกต้อง นั่นคือ ไม่ไปให้ "อาหาร" หล่อเลี้ยงมันด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซ้ำซ้อน ทั้งในทางคล้อยตามมันไป และในทางต่อต้านปฏิเสธจะไม่ยอมให้มันมา

ทำไมจึงไม่ควรต่อต้าน? อย่างที่ผมกล่าวแล้วว่ายิ่งเกลียดแปลว่ายิ่งยึด ส่วนการต่อต้านก็คือยิ่งตอกย้ำความเกลียดเข้าไปใหญ่ แล้วเมื่อไรใจจะเลิกยึดได้เล่า?

ท่าทีที่ถูกต้องคืออย่างไร? ประการแรกคุณต้องยอมรับตามจริงโดยดุษณีว่าความคิดเลวร้ายมันเกิดขึ้นในหัวของคุณ และนอกจากจะเห็นมันมาเองโดยคุณไม่ได้เชิญแล้ว ยังต้องเห็นว่ามันไปเองได้โดยไม่ต้องขับไล่อีกด้วย ขอแค่ใจเย็น เฝ้าดู และไม่แคร์ว่าจะต้องดูกี่ร้อยกี่พันรอบก็ตาม

พอคุณเฉยๆในอาการยอมรับว่ามันมาเองและไปเอง ขณะนั้นจิตของคุณจะประกอบด้วยสติ รับตามจริง รู้ตามจริง ไม่หลอกตัวเอง บ่อยครั้งเข้าในที่สุดจะได้ข้อสรุปเป็นความสบายใจอย่างมีสติรู้ ว่ามันไม่ใช่เรา เราไม่เห็นจะต้องไปให้ความร่วมมือหรือต่อต้านมันเลยแม้แต่นิดเดียว

ผลพลอยได้ที่ตามมาคือคุณจะไม่ใช่พวกรักแรงเกินไป เกลียดแรงเกินไป คือรักได้และเกลียดได้นะครับ แต่ไม่เกินขีด ไม่แปรความรักและความเกลียดมาเป็นความยึดแน่นให้เป็นทุกข์เปล่า

ดังตฤณ
จากบทความ "ทำยังไงดี"?
นิตยสาร Miracle of Life ฉบับ เดือนพฤษภาคม ๕๓

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

เรื่องน่าสนใจประจำฉบับ

  • คอลัมน์ "ธรรมะสากัจฉา" ฉบับนี้
    พบคำถามตรงใจนักภาวนาหลายท่านทีเดียวค่ะ
    ในเมื่อยังต้องใช้ชีวิตประจำวันตามปรกติ ไม่ได้ปลีกวิเวกเฉกเช่นนักบวช
    สติย่อมจะเกิดๆ หายๆ ไม่ต่อเนื่อง
    "คุณหมอณัฏฐ์" มีคำแนะนำอย่างไรสำหรับกรณีนี้
    ติดตามได้ในตอน "ภาวนา เจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ" ค่ะ
  • คอลัมน์ "เรื่องสั้นอิงธรรมะ" ฉบับนี้เป็นตอนจบของเรื่องแล้วนะคะ
    การที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ตั้งตัวเองเป็น "ทูตมัจจุราช"
    สุดท้ายแล้ว เขาจะได้รับผลอย่างไร
    และการ์ดปริศนาที่ส่งมาคล้ายเป็นสัญญาณเตือนทุกครั้งก่อนที่เขาจะลงมือ นั้นมาจากไหน
    "คุณชลนิล" มีคำตอบให้แล้วในฉบับค่ะ


  • ใครที่เป็นแฟนคอลัมน์ ?ยารักษาใจ? คงเห็นพ้องต้องกันนะคะว่า
    เรื่องราวที่
    ?คุณวิลาศินี? นำมาถ่ายทอดสู่กันฟัง(อ่าน) นั้น
    มีความแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ ฉบับนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ
    ใครก็ตามที่อาจได้รับผลกระทบจากควันไฟในสภาวะบ้านเมืองเวลานี้
    ขอแนะนำให้แวะเข้ามาตรวจวัดสายตา และตอบคำถามว่า
    ?คุณมองเห็นอะไร?
    ในตอน
    ?ผ่าตัดดวงตา? ค่ะ ^_^

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • วันหยุดวิสาขบูชา ใครที่ไม่มีภารกิจต้องไปไหน ขอเชิญร่วมงานสัปดาห์วันวิสาขบูชา ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมการศาสนา ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยจัดขึ้น ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงค่ะ โดยในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย จะมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ?จำนวน ๒๒๘ รูป ในเวลา ๐๗.๐๐ น. จากนั้นในช่วงเย็น เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ ?และในเวลา ๑๙.๐๐ น. ร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี ๔ มุมเมืองค่ะ

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

ประชาสัมพันธ์กิจกรรมพิเศษ "ระดมสมองเพื่อผองไทย" กับนิตยสารธรรมะใกล้ตัว

ในช่วงที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดฝันในเมืองไทย
มีกลุ่มควันมืดดำและไอความร้อนได้ปกคลุมกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดทั่วประเทศ
ไม่เพียงเกิดจากเปลวไฟที่เผาผลาญสถานที่ต่างๆนะคะ
ยังเกิดจากไฟที่ยังความเร่าร้อนและความมืดมนสู่จิตใจของคนไทยอีกมากมายด้วยเช่นกัน

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักสิทธิมนุษยชนชาวอเมริกัน
เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี พ.ศ. ๒๕๐๗
เคยได้กล่าวถ้อยคำชวนคิดอันเป็นความจริงข้อความหนึ่งไว้ค่ะว่า
"ความมืดไล่ความมืดไม่ได้ แสงสว่างเท่านั้นที่ทำได้
ความเกลียดไล่ความเกลียดไม่ได้
ความรักเท่านั้นที่จะทำได้"

ทีมงานนิตยสารธรรมะใกล้ตัวและธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ได้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้
และขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับไล่ความมืดออกจากจิตใจของคนไทย
ด้วยแสงสว่างจากคนไทยด้วยกันเอง
จึงร่วมกันจัดกิจกรรมพิเศษ "ระดมสมองเพื่อผองไทย" กับนิตยสารธรรมะใกล้ตัว ขึ้น
โดยให้ท่านผู้อ่านได้มีส่วนร่วมกันคิด ร่วมกันสรรค์สร้างวิธีการเพิ่มความสว่างให้แก่เมืองไทย
ด้วยการร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่อไปนี้ค่ะ ^___^


ในฐานะผู้อ่านนิตยสารธรรมะใกล้ตัว

คุณมีข้อเสนอหรือกิจกรรมใดบ้างที่อยากแนะนำ
เพื่อให้นิตยสารธรรมะใกล้ตัวนำมาใช้จัดกิจกรรมเพิ่มความสว่างให้แก่เมืองไทยในวงกว้าง


เมื่อได้ไอเดียแล้ว ขอเชิญส่งคำตอบของท่านได้ในกระทู้กิจกรรมพิเศษนี้ค่ะ
http://dharmamag.com/forum/viewtopic.php?f=65&t=912

และขอกระซิบดังๆด้วยนะคะว่า เราจะมีของรางวัลเล็กๆน้อยๆ สำหรับผู้ร่วมกิจกรรม
ที่ส่งความคิดเห็นมาภายในวันศุกร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๓
และเสนอกิจกรรมที่ถูกใจทีมงานนิตยสาร
สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในเร็ววันนี้ด้วยค่ะ =)

มาช่วยกันจุดประกายความสว่างให้จิตใจของพวกเราสว่างไสวกันนะคะ
แล้วมาพบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในเว็บบอร์ดของเราค่ะ ^___^/

?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

?

พบกันใหม่พฤหัสหน้า
ที่ www.dlitemag.com นะคะ
สวัสดีค่ะ (^_^)