Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๔๔๑

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เข้าใจความปรุงแต่งจิต

 

 

 

editor441

 

 

เมื่อไม่รู้ตัวว่า แต่ละความคิดเกิดขึ้นได้อย่างไร

คุณจะรู้สึกว่าความคิดคือตัวคุณ ตัวคุณคือความคิด

พอความคิดร้ายกาจ ก็เหมือนตัวคุณร้ายกาจ

พอความคิดดีงาม ก็เหมือนตัวคุณดีงาม

บางคนคิดร้ายหรือดีโดยมาก

ก็เห็นว่าตัวเองเป็นคนร้ายหรือคนดีชัดๆ

แต่บางคนคิดร้ายหรือดีสลับกันครึ่งๆ

ก็อาจสับสนว่าตัวเองเป็นคนร้ายหรือคนดีกันแน่ แยกไม่ถูก

 

ต่อเมื่อรู้ชัดว่า ‘จิตปรุงแต่ง’ เป็นอย่างไร

คุณจะไม่รู้สึกว่าความปรุงแต่งจิตเป็นตัวคุณ

แล้วมองว่า ‘ความคิด’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปรุงแต่งทางจิต

คิดร้ายเดี๋ยวเดียว แล้วก็หายไป

ไม่เกิดความสำคัญผิดว่ามีตัวคุณคิดร้าย

คิดดีเดี๋ยวเดียว แล้วก็หายไป

ไม่เกิดความสำคัญผิดว่ามีตัวคุณคิดดี

 

วิธีเจริญสติ

เพื่อให้สามารถเข้าไปรู้ถึงความปรุงแต่งทางจิตในระหว่างวัน

ไม่ใช่จู่ๆเข้าไปดู ‘ตัวความคิด’ แบบพรวดพราด

เพราะความคิดมีหลากหลาย

ดูแล้วเหมือนเมฆหมอกคลุมเครือเหมือนๆกันไปหมด

 

ที่ถูกแล้ว ก่อนอื่นคุณต้องแยกแยะประเภทความคิด

โดยทำความเข้าใจให้ดีว่า การปรุงแต่งจิตหลักๆ

ยืนพื้นอยู่บน ‘ความพอใจ’ กับ ‘ความไม่พอใจ’

เหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงปูพื้นให้สังเกตจิตมีราคะและจิตมีโทสะ

ก่อนจิตชนิดอื่นใดทั้งหมด

 

เมื่อเข้าใจชัดเจนไปที่รากฐานการปรุงแต่งได้เช่นนั้น

ก็ให้ต่อยอดเป็นการสังเกตตามจริงว่า

ราคะกับโทสะมักเกิดจากการ ‘นึกคิดเรื่องคน’ เป็นหลัก

เช่น เมื่อนึกถึงบุคคลอันเป็นเป้าล่อให้เกิดความยินดีทางเนื้อหนัง

คุณจะนึกถึงส่วนใดส่วนหนึ่งที่เร้าตาเร้าใจ

แต่เมื่อนึกถึงบุคคลอันเป็นเป้าล่อให้เกิดความยินร้ายทางอารมณ์

คุณจะนึกถึงภาษาพูดหรือภาษากายอันน่าขัดเคือง

 

ฉะนั้น เมื่อถามตัวเองง่ายๆว่า

นาทีหนึ่งๆ คุณกำลังนึกถึงอะไรในใคร

ก็จะตอบตัวเองถูกว่า

จิตกำลังเกิดการปรุงแต่ง โดยยืนพื้นอยู่บนราคะหรือโทสะ

 

หลังจากตอบตัวเองถูกไปเรื่อยๆว่า

จิตมีราคะ จิตมีโทสะ

คุณจะเห็น ‘ราคะหายไปจากจิต’ เป็นบางครั้ง

หรือเห็น ‘โทสะหายไปจากจิต’ เป็นบางคราว

เมื่อเห็นการเกิดขึ้นและหายไปบ่อยเข้า

ก็จะเริ่มเข้าใจว่า ‘ความปรุงแต่งจิต’ เป็นอย่างไร

ตลอดจนรู้สึกว่าความปรุงแต่งจิตเป็นของหลอกชั่วคราว

ไม่มีอิทธิพลขนาดทำให้คุณตัดสินใจผิดๆเหมือนเมื่อก่อนได้

 

ดังตฤณ

ตุลาคม ๖๖