Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๔๒๙

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

ดูแลพระศาสนา


editor429

 

 

ไม่มีใครเริ่มชีวิตด้วยการเป็นพระ

ชีวิตมีแต่เริ่มด้วยการเป็นฆราวาสกันทั้งนั้น

พระเป็นอย่างไร

ก็จากการที่เคยเป็นฆราวาสแบบไหน

มีความรู้ความเข้าใจธรรมะอย่างไรจึงเข้ามาบวช

และเมื่อเป็นพระแล้ว

จะอยู่บนเส้นทางของอัตตาหรืออนัตตา

ก็ขึ้นอยู่กับการที่ฆราวาสเลี้ยงดูส่งเสริม

ให้พวกท่านเป็นพระหรือเป็นพาล

 

พุทธศาสนาจะรุ่งเรืองในยุคที่

ฆราวาสส่วนใหญ่สนใจและรู้จักธรรมะ

ฆราวาสส่วนใหญ่ไม่มองว่าธรรมะฝากไว้ที่วัด

ฆราวาสส่วนใหญ่มองว่าที่แท้ธรรมะต้องมีอยู่ในบ้านตัวเอง

 

.. .. .. .. .. .. .. .. ..

 

นั่นหมายความว่า

พุทศาสนาต้องเปลี่ยนจาก

ยุคบอกต่อว่า ‘พระวัดไหนดี’

มาเป็นช่วยๆกันตอบว่า

ธรรมะข้อไหนดี’ ที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ผล

 

หรือหากจะไปวัด

ก็ช่วยๆกันอธิบายว่า ‘ถวายอะไรดี’

ที่จะไม่เปลี่ยน ‘คนอยากบวช’

ให้กลายเป็น ‘พระอยากสึก’

 

เราด่าพระที่ทำผิดวินัยฝ่ายเดียวไม่ได้

เพราะชาวบ้านมักเอาเครื่องกระตุ้นกิเลสไปให้พระ

เราต้องด่าตัวเองด้วย ตอนเผลอเอากิเลสไปถวายท่าน

จึงจะมีชาวบ้านจูงใจให้พระผิดวินัยกันน้อยลง

 

เราฝากฝังศาสนาไว้ในมือพระฝ่ายเดียวไม่ได้

เพราะชาวบ้านชอบเอาธุระทางโลกเข้าวัดกันบ่อย

เราต้องฝากฝังศาสนาไว้กับตัวเองก่อน

จึงจะมีชาวบ้านชอบเอาธุระทางธรรมเข้าวัดบ่อยขึ้น

 

เราคาดหวังให้พระประพฤติธรรม สั่งสอนธรรมไม่ได้

เพราะชาวบ้านชอบของขลัง ชอบคำทำนายจากพระ

เราต้องคาดหวังให้ตัวเองชอบเจริญสติเจริญธรรมก่อน

จึงจะมีชาวบ้านร้องขอให้พระประพฤติธรรมไว้เทศนา

 

.. .. .. .. .. .. .. .. ..

 

พระพุทธเจ้าจึงฝากฝังพระศาสนาไว้

กับคนใน ‘บริษัทพุทธ’ ๔ จำพวก

คือ ท่านไม่ได้ให้ไว้ใจพระ ฝากภาระไว้กับภิกษุฝ่ายเดียว

แต่ยังมีภิกษุณี

อุบาสก (ชาวบ้านที่เป็นชาย)

และอุบาสิกา (ชาวบ้านที่เป็นหญิง) ด้วย

 

ถ้าใครไม่คิดดูแลศาสนา

ก็อย่าแปลกใจ

ที่พบแต่พระทิ้งศาสนาไปเอาดีทางโลก

ถ้าใครเห็นแค่พระผิดวินัยแล้วเสื่อมศรัทธา

ประกาศตนเป็นคนไร้ศาสนา

ก็อย่าแปลกใจถ้ายามใกล้ตาย

รู้สึกเหมือนเด็กหลงทางที่ไม่มีใครช่วยออกจากป่า

หรือรู้สึกเหมือนคนจะจมน้ำ

โดยไม่มีฟางให้เกาะแม้แต่เส้นเดียว!

 

 

ดังตฤณ

พฤษภาคม ๖๖