Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๔๒๘

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

ก้าวข้ามความท้อที่จุดเริ่มต้น

editor428

   

สนุกกันงานใด

งานนั้นมักสำเร็จเสมอ

นี่เป็นเรื่องน่าจับจุดสังเกต

แต่ไม่ค่อยมีใครจดจำเป็นหลักให้ขึ้นใจ

 

ความสนุกของมนุษย์

ที่จะอยู่กับงานอะไรสักอย่างนานพอ

มักเป็นสัญญาณบอกว่า

งานนั้นจะออกมาดี

งานนั้นจะไม่เนิ่นช้า

งานนั้นจะสำเร็จได้จริง

 

เมื่อใดที่ต้องทำงานยาก

งานที่ต้องอาศัยเวลา

งานที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความไม่แน่นอน

ขาดเครื่องประกันความสำเร็จ

จิตของคนเรามักเข้าโหมดลังเล ไม่แน่ใจ

หรือกระทั่งท้อก่อนทำ

ยิ่งท้อมาก ยิ่งเหมือนสัญญาณบอก

แนวโน้มความล้มเหลวมาก

 

จะไม่ล้มเหลวได้อย่างไร

ในเมื่อหัวมันไม่ยอมคิด

 

โจทย์จริงๆในช่วงเริ่มต้น

จึงไม่ควรเป็นการยิงคำถาม

ใส่ดินฟ้าแบบลมๆแล้งๆว่า

จะสำเร็จไหม จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยหรือเปล่า

แต่ควรเป็นการคุยกับตัวเองให้เข้าใจว่า

ออกตัวอย่างไร ด้วยท่าไหน จึงสนุก

 

การก้าวข้ามความท้อที่จุดเริ่มต้น

ไปสู่ความสนุกเมื่อเริ่มออกวิ่ง

จะยุติคำถามแบ๊วๆประเภท

ต้องทำอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน

จะเหนื่อยกายจนขาดใจเลยหรือเปล่า

 

ถ้าไม่ทราบจะจับจุดสนุกจากตรงไหน

ให้ดูที่ร่างกายตัวเอง

เห็นให้ได้ว่าร่างกาย

พร้อมจะสนุกไปกับคุณในช่วงไหน

เช้า สาย บ่าย เย็น หรือดึกดื่นค่ำคืน

 

บางคนยิ่งดึก ยิ่งหูตาตื่น

เหมือนฉลาดกว่าปกติ

แต่ต้องสังเกตข้อเท็จจริงทางธรรมชาติด้วย

ถ้าโหมงานดึกหรือโต้รุ่งต่อเนื่อง

แล้วหัวทึบ หัวแน่นขึ้นทุกที

ให้บอกตัวเองอย่างมีสติว่า

นั่นไม่ใช่เวลาที่ถูกแล้ว

นั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความโง่เขลาแล้ว

คุณกำลังเอาช่วงเวลาโง่ของตัวเอง

ไปเสี่ยงทำผิดคิดร้ายแล้ว

 

ช่วงเวลาโง่สองชั่วโมง

อาจหมายถึงคุณภาพต่ำๆและความเชื่องช้า

ผิดกับช่วงเวลาแห่งความฉลาดยี่สิบนาที

ที่ได้งานคุณภาพสูงกว่า รวดเร็วกว่า

 

หรือช่วงเวลาโง่สองนาที

อาจทำความเสียหายให้ต้องแก้ไขไปสองสัปดาห์

อันนี้หลายคนเจอ แต่ไม่อยากยอมรับ

หรือไม่คิดจะเรียนรู้           

 

แปลกแต่จริง

คนเรามักเสพติดอาการจมอยู่กับที่

เหมือนคนที่ชอบบ่นกระปอดกระแปดว่า

โลกมืด โลกไม่ดี โลกทำร้ายฉัน

ทั้งที่ช่วงบ่น คือช่วงที่สมองทำร้ายตัวเองชัดๆ

ฉันใดก็ฉันนั้น คนมักเสพติดช่วงเวลาที่หัวทึบ

นึกว่าชีวิตต้องจมปลัก

อยู่กับช่วงเวลาแบบนั้นไปจนตาย

พอได้เวลา ก็พยายามฝืนใจทำเซ็งๆทันที

ราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมความโชคร้ายตลอดชีพเอาไว้

 

คุณจะเริ่มสนุกกับงาน

เมื่อสังเกตออกว่า

ทำงานช่วงไหนแล้วหัวโล่ง พร้อมฉลาดจริงๆ

ซึ่งตามธรรมดา

มักเป็นช่วงที่ขยะทางอารมณ์ยังไม่เกิด

เช่น เพิ่งตื่นนอน ยังไม่มีอะไรให้คิด

ยิ่งถ้าเป็นการตื่นนอนช่วงเช้าตรู่

โลกยังสงบ ไม่มีความวุ่นวายจอแจของมนุษย์

ก็ยิ่งเป็นช่วงที่เอื้อให้หัวแล่น ความคิดไหลคล่อง

อยากทำงานเร็ว และไม่ค่อยผิดพลาด

มีพละกำลังที่จะแก้ปัญหา

ไม่กลัวอุปสรรคที่ท้าทายขุมกำลังความคิด

 

ถ้าคุณเป็นนายตัวเอง ต้องคิดเองทำเอง

ก็คงไม่มีปัญหากับการเลือกเวลาเหมาะ

แต่หากบอกตัวเองว่าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน

เหมือนเครื่องจักรที่จะเริ่มงานก็ต่อเมื่อเข้าออฟฟิศ

อันนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ยาก

 

หากเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองใหม่

ใช้เวลาสัก ๕ นาทีหรือ ๑๐ นาทีในช่วงตื่นนอน

เอามาคิดเรื่องงานที่ติดขัด หรือไปไม่ถึงไหนเสียที

ไม่มัวพะวงหยุมหยิมว่า

นี่ไม่ใช่เวลาที่ใครจ่ายเงินให้คุณทำงาน

คุณแค่เลือกเอง เต็มใจเองว่า

จะขอทำงานในช่วงเวลาแห่งความสนุก

ก็อาจพบคำตอบ มองเห็นทางออกทะลุปรุโปร่ง

หรือได้ไอเดียไปคุยต่อยอดในห้องประชุมได้ง่ายๆ

แตกต่างไปจากเดิม

 

ถ้าเคยชินที่จะให้ความคิด

เริ่มทำงานในช่วงปลอดโปร่ง

กลายเป็นนิสัยติดตัว

คุณอาจค้นพบโลกใหม่

พบความสนุกกับการทำงาน

ราวกับให้อีกคนมาคิด

ซึ่งนั่นก็เพราะเป็นคุณอีกคน

ในสมองอีกโหมด

มาช่วยคิดให้จริงๆ!

 

ดังตฤณ

เมษายน ๖๖