Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๘๙

dungtrinถึงวันนี้ยอดผู้ตายจากแผ่นดินไหวที่ชิลีอยู่ในหลักพัน
ซึ่งก็หมายความว่าความโชคร้ายของชาวชิลีนั้น
นับว่าเบามากเมื่อเทียบกับชาวเฮติ

และถึงวันนี้ สิ่งที่ผมเคยนึกว่าอาจเกิดก็เกิดขึ้นจริงๆ
ผมไม่ได้หมายถึงมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับมนุษย์
เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่กับตามาระยะหนึ่ง
แต่ผมกำลังจะพูดถึงความรู้สึกชินชาต่อชะตากรรมมนุษย์

เรากำลังเข้าสู่ยุคของการมีชีวิตอีกแบบหนึ่ง
คือยุคที่มนุษย์ทั้งหลายเริ่มปลงตก
เมื่อเห็นความตายขยับใกล้ตัวเข้ามาทุกที

เดือนมกราคม ต้นปีนี้ สองเดือนนี่เอง
ชาวโลกทราบข่าวชาวเฮติ
ด้วยอารมณ์อยากช่วยเพื่่อนร่วมโลก
ในฝันร้ายอันแสนหฤโหดนั้น
ผมรู้สึกถึงไมตรีจิตที่แผ่กว้างจากทุกทิศทุกทาง
สะท้อนให้เห็นว่าโลกนี้ยังเป็นที่อยู่ของมนุษย์
ที่พร้อมจะสงสาร พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
นั่นเป็นสิ่งดีที่ยังเหลืออยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินของเรา

พร้อมกับความสงสารและสายธารแห่งความกรุณา
ที่หลั่งไหลเข้าสู่ดินแดนแห่งความวิบัติ
ผมก็สัมผัสถึงความรู้สึกจวนตัวและยอมจำนน
หลายคนเห็นชัดว่าภัยแบบเดียวกันนั้น
อาจโจมจับเข้าถึงตัวของตนบ้างในวันไหนก็ได้
และนี่ไม่ใช่เรื่องการตื่นคำทำนายเหลวไหลอีกต่อไป
คนที่ยังปากแข็ง บอกว่าไม่มีอะไร ไม่มีอะไร นั้น
เริ่มเปลี่ยนขั้ว กลายเป็นพวกงมงาย
ไม่ยอมอยู่ในความจริง ที่โลกกำลังถล่มทลายทีละส่วน

หลายคนในโลกเห็นว่าไม่รู้จะกลัวไปทำไมให้เสียสุขภาพจิต
แล้วก็ไม่ทราบจะต้องเตรียมตัวรับความไม่แน่นอนอย่างไรด้วย
จึงก้มหน้าก้มตา "ใช้ชีวิตต่อไป" เพื่อให้ทุกวันดูเหมือนเดิมอยู่

ไม่ต้องกลัว และไม่ต้องเตรียม "ตัว" ก็ได้
แต่ลองสังเกตใจดูบ้างดีไหม
รู้สึกไหมว่ามหันตภัยที่ชิลีเที่ยวนี้
พวกเรารู้สึกสงสาร ตระหนก และเสียขวัญกันน้อยลง?

จะบอกว่าชีวิตคนหลักพันมันน้อยไป
เทียบไม่ได้กับชีวิตคนหลักแสนเมื่อสองเดือนก่อน
ก็คงจะไม่ใช่อย่างนั้นหรอก
เพราะชีวิตคนหลักร้อยหรือหลักล้าน
ก็คือเลือดเนื้อ ลมหายใจ และไออุ่นของเพื่อนร่วมโลกเช่นกัน
ภาพข่าวที่ออกมาชวนให้สะอึกนิ่งไม่ต่างกันเลย

เรื่องของเรื่องคือทุกอย่างเป็นไปตามกลไกธรรมดาของจิต
คือพบเห็นสิ่งใดมาก ย่อมชาชินกับสิ่งนั้นขึ้นเรื่อยๆ

สังเกตใจแล้วได้ประโยชน์นะครับ
จะได้รู้ตัวว่าคุณ "ด้านชา" กับความตายของคนอื่น
หรือว่า "คุ้นชิน" กับความตายที่อาจมาถึงตัววันไหนก็ได้
พระพุทธศาสนาเร่งเร้าให้พวกเราเจริญมรณสติเสมอ
และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว
อารมณ์ด้านชาจนดูดายกับความตายของคนอื่นเป็นอกุศล
แต่อารมณ์เศร้าหมองกับความตายของพวกเขา
ก็ไม่ช่วยให้จิตเป็นกุศลขึ้นมาได้
ขอให้รู้จักกับอารมณ์อุเบกขา
เห็นความตายเป็นของธรรมดาที่ต้องเกิดกับทุกคน
จะเร็วหรือช้า จะดีหรือร้าย ยังไม่ตายก็ช่วยกันไป
แต่ถ้าตายก็เอาไว้ให้ดู ไม่ใช่ให้เศร้าเปล่า

ดูอย่างไร? ดูว่าทุกความตายของคนอื่น
คือนิมิตบอกให้เกิดสติว่าคนเราไม่อาจพ้นจากความตายไปได้
ถ้าวันนี้ยังไม่ใช่ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือปีหน้า ก็ต้องถึงตาเราแน่ๆ
เฮติไม่มีแผ่นดินไหวมา ๒๐๐ ปี
สองเดือนก่อนเขามีนำหน้าเขตอื่นๆไปแล้ว
บ้างก็ไปดี บ้างก็ไปร้ายตามกรรม
เราล่ะ? พร้อมไปแบบกะทันหันด้วยจิตมืดหรือจิตสว่าง?
ไปพร้อมกับความเข้าใจว่ากายนี้ไม่เที่ยง จิตนี้ไม่เที่ยง
ไม่ใช่สมบัติที่เราจะบังคับสั่งได้ตามปรารถนา
หรือจะไปพร้อมกับความยึดติดแบบเดิมๆ
ว่านี่ของเรา นั่นก็ของเรา โลกก็ของเรา?

ดังตฤณ
มีนาคม ๕๓

?

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

เรื่องน่าสนใจประจำฉบับ

  • คนสองคน แม้เบื้องต้นจะมีต้นทุนชีวิตเท่าๆ กัน
    แต่เบื้องปลายอาจต่างกันได้ หากเลือกเส้นทางเดินต่างกัน
    คอลัมน์ "เรื่องสั้นอิงธรรมะ" ฉบับนี้
    พบเรื่องสั้นใหม่ "ทางใหม่ของเพื่อน"
    จากนักเขียนเก่าที่เราคุ้นเคย "คุณธีระวัฒน์" ค่ะ

  • สมาร์ทคาร์ดที่ว่าแน่ อาจต้องแพ้บัตรใบนี้ (^^,*)
    จะดีแค่ไหนคะ ถ้าเรามีบัตรชนิดพิเศษที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกสถานที่?
    คอลัมน์ "ยารักษาใจ" ฉบับนี้
    "คุณวิลาศินี" มีบัตรที่ว่านี้มาแจกคุณผู้อ่านทุกท่าน
    ในตอน "บัตรผ่านวิหารพรหม" ค่ะ

  • ทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในแต่ละวันล้วนมีคุณค่า
    หากถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อการเจริญสติ ^_^
    ไม่เว้นแม้แต่ความเกลียดชัง
    คอลัมน์ "สัพเพเหระธรรม" ฉบับนี้
    พบมุมมองดีๆ จาก "คุณพัฒนเดช"
    ในตอน "ขอบคุณความเกลียดชัง" ค่ะ

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?


ข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจ