Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๓๗๕

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ยุคโควิด

    editor375

 

โควิดเป็นเรื่องของมหาชน

ไม่ว่าคุณจะคิดกระทำการใดๆ

ที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด

จึงมีสิทธิ์เป็นบาปหนัก

หรือเป็นบุญใหญ่ได้ทั้งสิ้น

ทิศทางบุญบาป

เริ่มต้นจากความตระหนักว่า

โควิดเป็นความเดือดร้อนระดับโลก

ถ้ามีเจตนาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

อันนั้นคือเส้นทางบุญไม่จำกัด

ถ้ามีเจตนาเพิ่มความเดือดร้อน

อันนั้นคือเส้นทางบาปไม่สุดไม่สิ้น

ต่อไปนี้คือบาปหนักที่มาพร้อมโควิด

ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด

แต่เป็นอะไรที่เห็นได้ชัด

และอนุมานง่ายว่า

ถ้าผลของบาปมีจริง

จะต้องเผล็ดผลในวันหนึ่งประมาณไหน

 

๑) กุข่าวลวง

เข้าข่ายผิดศีลข้อมุสาวาทชัดเจน

และยุคไอทีนี้ ใครๆก็ทำได้

เพียงแค่ปลายนิ้วกระดิกไม่กี่ที

บาปก็สำเร็จสมบูรณ์

หากเคยเป็นพวกคิดคำได้กระแทกใจเป็นทุนอยู่ก่อน

ก็จะรู้เลยว่า คำไหนกระตุ้น

ให้เกิดความกลัวเป็นไฟลามทุ่งได้

เมื่อเกิดอารมณ์คัน คึกคะนอง

ก็ปล่อย ไวรัสตื่นข่าวออกไปในวงกว้างสำเร็จ

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

อาจสร้างความเดือดร้อนได้เกินจะคาดเดา

ทั้งข่าวยาผีบอก ที่อาจทำคนหลงเชื่อถึงตาย

ทั้งข่าวสถานที่ ที่อาจสร้างความวิบัติให้สถานที่

ทั้งข่าวคนดัง ที่อาจทำลายชื่อเสียงได้สาหัส

 

การโกหกเกี่ยวกับโควิด

ไม่ว่าจะสร้างแค่ความสะใจหรือสร้างรายได้เข้าตัว

ล้วนเป็นการสร้างความซวยอย่างใหญ่ให้มหาชน

จึงไม่น่าแปลกใจ

หากผลลัพธ์คือความซวยที่ติดตามตัวไปนับชาติไม่ถ้วน

เป็นตัวซวยให้คนอื่นแบบไหน

ก็จะได้พกความซวยตัวนั้น

เป็นเงาตามตัวไปหลอกหลอนไม่รู้จบ

 

๒) ฉกฉวยโอกาสทางการค้า

เข้าข่ายผิดศีลข้ออทินนาทาน

ข้อนี้มุ่งเฉพาะคนที่สร้างความไม่เป็นธรรม

เพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง

เช่น รู้ทั้งรู้ สินค้าไม่ดี ก็ดันทุรังเอามาขาย

หรือรู้ว่าสินค้าไหนดี เป็นที่ต้องการ

ก็กักตุนเพื่อเพิ่มราคา

หรือใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์พวกพ้อง

ไม่อนุมัติยาดี เพราะได้ใต้โต๊ะจากยาเลวไปแล้ว

 

การจัดสรรของเลว กั๊กของดี ไม่ให้ถึงมือประชาชน

มีผลลัพธ์เป็นเงาตามตัว

เป็นวิบากที่ให้ผลเป็นความอยุติธรรม

ได้รับของเลว ถูกกีดกันหรือหน่วงเหนี่ยวไว้ไม่ให้ได้ของดี
ถูกโกงจากคนแปลกหน้าซ้ำๆ

เมื่อเจอเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน

ก็ไม่ได้โอกาสรอดจากความเป็นความตาย

พูดง่ายๆ เกิดชาติไหน

จะไม่ได้รับความเป็นธรรมสารพัด

ตามน้ำหนักสมควรแก่บาปที่ทำไว้ในยุคโควิดนี้

 

๓) ติดเชื้อแล้วปกปิด

ทั้งในแง่ปกปิดว่าเป็น เพราะกลัวโดนรังเกียจ

ทั้งในแง่ปกปิดไทม์ไลน์
เพราะเหตุผลประเภทกลัวโดนโกรธ

หรือกลัวโดนประณามหยามหมิ่นว่า

ทำไมไปที่พรรค์นั้นได้

 

การปกปิดไม่ได้ผิดศีล

แต่สะท้อนความดูดาย เห็นแก่ตัว

ไร้ความรับผิดชอบ

เมื่อกรรมอันเกิดจากความเห็นแก่ตัวนี้เผล็ดผล

ก็ย่อมเป็นความเดือดร้อนแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่

มีคนสนิทมิตรสหายพาเรื่องร้ายมาถึงตัว

แบบไม่มีทางระวังป้องกันใดๆ

หรือต้องพบต้องเจอพ่อแม่ที่เห็นแก่ตัว

ไม่มีความเห็นอกเห็นใจลูกมาแต่แบเบาะ

 

๔) เหยียดชาติพันธุ์

ดังเช่นที่เกิดพฤติกรรมหมู่

เหมารวมว่าคนเอเชียเป็นต้นกำเนิดโควิด

ไม่มองตามจริงว่าคนเอเชียก็เป็นหนึ่งในเหยื่อ

ไม่มีคนสติดีที่ไหนหรอก

ที่ตั้งเจตนาไว้ว่าข้าจะขอติดโควิดเอามันสักทีล่ะ
แต่ละคนที่ติดโควิด

ติดด้วยความไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจ

และไม่อยากเป็นโรคร้ายกันทั้งนั้น

 

ผลของการเหยียดชาติพันธุ์ที่ชัดเจน

คือ จะได้กำเนิดแบบที่ถูกสังคมเหยียดหยาม

ซึ่งโลกนี้มีกำเนิดประเภทนั้นมากมาย

แค่เกิดมาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นมารหัวขน

เป็นตัวซวยที่นำเภทภัยมาสู่คนรอบตัว

หรือเป็นคนชั้นต่ำ วรรณะชั่วที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว

ยิ่งถ้าเหยียดชาติพันธุ์

แล้วทำร้าย หรือทำเลวๆกับชาติพันธุ์นั้นไม่เลือกหน้า

ผลยิ่งไม่จำกัดว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด

เกิดกี่ครั้ง ก็ต้องอยู่ในดินแดนที่มีแต่ผู้คนจ้องทำร้ายกัน

หรือทำสงครามห้ำหั่นกันด้วยเหตุผลที่เหลวไหล

 

--- สรุป

ยุคโควิด

บีบคั้นให้จิตเกิดอกุศล

กระตุ้นให้ด่าทอ สร้างบาปต่อกัน

โยนโทษให้กัน เพิ่มความเห็นแก่ตัวกัน

 

แต่ยุคโควิด

ไม่ใช่มีแต่เรื่องไม่ดีให้มอง

มีวีรบุรุษเกิดขึ้นที่นั่นที่นี่

เริ่มต้นก็จากใจพื้นๆ

ที่เห็นแก่คนอื่นก่อนตนนี่แหละ!

 

ดังตฤณ

เมษายน ๖๔