Print

จากใจ บ.ก ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๓๗๑

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

ตายแบบพุทธ


    editor371

 

 

เมื่อเจริญสติ

เห็นกายใจเป็นส่วนๆ

ตามที่กำลังปรากฏอยู่จริงๆเดี๋ยวนี้

นับแต่ลมหายใจเข้าออก

ที่ไม่เที่ยง ไม่ใช่ของใคร

กับสุขทุกข์ที่มากับแต่ละลมหายใจ

ซึ่งก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่ของใครเช่นกัน

เท่ากับคุณสร้าง จิตพร้อมตาย

มากขึ้นเรื่อยๆ ตามวันเดือนปีที่ผ่านไป

 

พอถึงจุดหนึ่ง

ที่จิตใสใจเบา

หายใจอย่างรู้กาย

เท่าที่อิริยาบถนี้มีให้รู้

และหายใจอย่างรู้สุข

เท่าที่แฝงอยู่ในจิตใสใจเบา

โดยไม่รู้สึกว่า

อะไรๆทั้งหมดนี้เป็นใคร

ณ จุดรู้ทั่วพร้อมนั้น

คือจุดที่คุณพร้อมตายแบบพุทธ

คือตายแบบไม่มีใครตาย

มีแต่ภาวะประชุมกันชั่วคราวของรูปนาม

ถึงเวลารวมกัน

ก็เห็นสักแต่ว่าพวกมันรวมกันชั่วคราว

ถึงเวลาแยกย้าย

ก็เห็นสักแต่ว่าพวกมันแยกย้ายจากกัน

 

แต่ตราบใดยังไม่ใช่พระอรหันต์

ยังไม่เกิด จิตล้างอวิชชา

อวิชชายังบังตาบังใจให้เห็นกายใจเป็นตัวตน

ตราบนั้นคนคนหนึ่ง

จะยังคงวกกลับมารู้สึกว่า

ตนกำลังอยู่ ตนกำลังจะตาย

ใครแวดล้อมที่เกี่ยวกับตน

ยังคงมีชีวิตอยู่ หรือกำลังจะตายไป

 

ท่านจึงให้ผู้ฝึกเจริญสติ

หมั่นระลึกถึงถึงความตาย

ระลึกเอาด้วยสติแบบคิดๆว่า

ความแตกของกายเกิดแล้วกับกายอื่น

ความแตกของกายจะต้องเกิดขึ้นกับกายนี้

เพื่อจุดประกายความสว่างให้จิต

เว้นวรรคความหลงติดยึดมั่นบ่อยๆ

 

หากการเจริญสติของคุณ

มาถึงจุดที่ควบคู่กันไปได้กับมรณสติ

แปลว่าแค่เห็นความตายดับของคนอื่น

ก็เกิดสติย้อนกลับมารู้กายของตัวเอง

เห็นว่าเดี๋ยวมันก็ต้องดับเหมือนคนอื่น

แล้วเกิดอัตโนมัติรู้ว่า

ขณะนี้ มีลมหายใจเข้าหรือลมหายใจออก

ขณะนี้ ลมหายใจพาความสบายหรืออึดอัดมาให้

ขณะนี้ ความสบายหรืออึดอัดเป็นไปในกายท่าไหน

ขณะนี้ จิตสงบใส ใจเบาว่างประมาณใด

 

จากนั้นตามมาด้วยการถอนความหลงยึด

รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรให้ยึดอยู่แล้ว

ภาวะทั้งหลายเหล่านั้นหายไปเป็นขณะๆ

แล้วถูกแทนที่ด้วยภาวะใหม่

แทนกันไปเรื่อยๆอยู่แล้ว

ความไม่หลงยึดของชั่วคราวนั่นแหละ

ถ้าไปเลิกหลงเอาตอนตายจริง

จิตที่เข้าสู่วิถีมรณะอันหนักแน่น

ก็มีสิทธิ์ผนึกรวมถึงฌาน

เบิกบานเป็นมรรคผล

เป็นอริยบุคคล

ก่อนจิตดับจากความเป็นมนุษย์ได้!

 

ดังตฤณ

กุมภาพันธ์ ๖๔