Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๓๔๑

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

วิธีรับมือกับความทุกข์

 
 

editor341

 

มีสำนวนไทยเช่น ผีซ้ำด้ำพลอย

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

หรือ ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

 

สำนวนเหล่านี้ความหมายเหมือนๆกัน

ประมาณว่า ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องวัวหนักหัวอยู่แล้ว

และยังแก้ไม่ตก ดันเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องควาย

เพิ่มเติมเข้ามา ให้มันหนักอกซ้ำเข้าไปอีก

 

แล้วสำนวนเหล่านี้ก็มีอยู่ทุกชาติทุกภาษา

นักประพันธ์บางคนถึงกับเอาไปแต่งเป็นนิยาย

เช่น A Series of Unfortunate Events

ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นว่า

ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เคยมีประสบการณ์ ดวงตก

เจอเรื่องร้ายเรียงคิวรัวๆ

คนทั่วโลกเขาก็มีประสบการณ์ทำนองนี้กันทั้งนั้นแหละ

 

บางคนไม่อยากเชื่อเรื่องผีสางเทวดา

แต่พอเจอเรื่องหนักๆจนเข่าทรุด

ก็ออกท่าแหงนหน้า ตัดพ้อฟ้าดิน ภูตผี เทวดา

หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันคราวนั้นเอง

 

ความรู้สึกคนเรานั้น

ปักใจเชื่ออะไรด้วยอารมณ์เพี้ยนๆ

ก็จะหาทางเพี้ยนไปให้สุด

เช่น พอชีวิตเหมือนถูกกลั่นแกล้งชัดๆ

ถ้าหันไปหาแพะที่หน้าตาเหมือนมนุษย์ด้วยกันไม่ได้

ยังไงก็ต้องหาแพะหน้าตาเหมือนภูตผีเทวดากันจนได้สิน่า

 

เมื่อรู้สึกแย่ ในหัวยุ่งเหยิง

เต็มไปด้วยเรื่องไม่ดีนานา

แทนการด่าว่าฟ้าดิน

ลองตั้งโจทย์เอากับใจตัวเองว่า

สิ่งที่แย่ มันเป็นเรื่องจริงๆข้างนอก

หรือเป็นความรู้สึกนึกคิดอยู่ข้างใน?

 

โจทย์ที่เหมือนรู้ๆอยู่

ถ้าจิ้มสมองคุณในจังหวะเหมาะ

ความอัดอั้นตันใจก็แตกโป๊ะออกมาได้

กลายเป็นความรู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นมาแทน

 

เหมือนเช่นถ้าคุณตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ชัดๆ

จนเห็นภาพตัวเองออกมาจากอีกมุมมองหนึ่ง

กระจ่างใจว่าสิ่งที่แย่จริงๆ

คือ ใจที่บุบบิบบู้บี้ของตัวเอง

หาใช่โลกทั้งใบที่คุณนึกว่าถูกทุบใกล้พังตามคุณไปด้วย

 

โลกทั้งใบยังคงเป็นอยู่ปกติของมันอย่างนั้น

เหมือนก่อนที่ใจคุณจะมืดบอดลงนั่นแหละ

 

ตอนที่ในอกในใจของคุณแห้งเหือดจากน้ำเลี้ยง

อยากก้มหน้าด้วยความรู้สึกหมดใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

ลองสังเกตสักนิดว่ากำลังอยู่ในท่าไหน

หลังตรงหรือหลังงอ คอตั้งหรือคอตก

แล้วถามตัวเองว่า

ร่างกายในท่านั้น

มันคือความเดือดร้อน

หรือว่าใจที่อยู่ในร่างนั้น มันเดือดมันร้อน?

 

พอแยกออกว่ากายมันอยู่ดีๆของมันตามเดิม

มีแต่ใจที่เดือดร้อนหรือเซื่องซึม

คุณจะเริ่มเข้าถึงชีวิตในอีกมุมมองหนึ่ง

เหมือน ตาสว่างขึ้นมาชั่วขณะ

เห็นว่าบ้านเรือนภายนอกไม่ได้เป็นทุกข์

ร่างกายก็ไม่ได้เป็นทุกข์

มีแต่ใจเท่านั้นที่เป็นทุกข์

 

และจริงๆแล้ว

ใจไม่ต้องเป็นทุกข์ก็ได้

ขอแค่เกิดสติเห็นทุกข์ในตน

 

ขาดสติ

ชีวิตก็ปรากฏคล้ายฝัน

เหมือนไม่มีอะไรจริงสักอย่าง

ล่องลอย เลื่อนเปื้อนอยู่อย่างนั้น

ชั่วนาตาปีไม่มีเปลี่ยน

 

ต่อเมื่อเกิดสติ

ชีวิตก็ปรากฏเป็นความจริง ไม่ใช่ฝัน

ความจริงคือ

อะไรๆข้างในกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

หายใจยาวก็เป็นสุข หายใจสั้นก็พร้อมจะเป็นทุกข์

 

ข้างในเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

และเดี๋ยวอะไรๆข้างนอกก็จะเปลี่ยนตาม

บอกตัวเองซ้ำๆว่า

ที่คุณรู้สึกแย่ จริงๆแล้วไม่ต้องรู้สึกแย่ก็ได้

แค่หายใจยาวๆ ช้าๆ

แบบที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเป็นครั้งๆ

ก็พบความจริงนี้ด้วยตัวเองได้เดี๋ยวนี้เลย!

 

ดังตฤณ

พฤศจิกายน ๖๒