จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๓๓๙
รักษาโรคทางใจ
การเป็นคนเจ้าโทสะ ไม่ได้หมายถึง
การแสดงอารมณ์ปึงปังง่ายอย่างเดียว
เขาวัดกันตั้งแต่ที่รู้แก่ใจตนว่า
มีความหงุดหงิดง่าย ขัดเคืองง่าย
เกิดอารมณ์กรี๊ดง่าย เป็นทุกข์ง่าย
เมื่อไม่ได้อย่างใจ
ยิ่งถ้าปึงปัง ออกอาการทางกาย
อาละวาดฟาดงวงฟาดงาง่าย
อย่างนั้นเข้าขั้นโมโหร้ายแล้ว
เป็นทุกข์กับตัวเองง่ายไม่พอ
ผลิตทุกข์ให้คนอื่นบ่อยๆด้วย
พยากรณ์ได้เลยว่า
นั่นจะเป็นชีวิตที่ก่อบาปก่ออกุศลไว้มาก
ชีวิตถัดไปต้องเป็นทุกข์มาก
แม้จะสร้างบุญสร้างกุศลไว้
ในระดับที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกก็ตาม
เพื่อให้ความเจ้าโทสะเบาบางลง
มีสองแนวทาง
หนึ่งคือสร้างต้นทุนเป็นเมตตา
สองคือใช้เมตตา ณ จุดเกิดโทสะทุกครั้ง
สร้างต้นทุนด้วยการฝึกแผ่เมตตา
โดยพิจารณาบ่อยๆ ในสถานการณ์ปกติว่า
ความยืดเยื้อของโทสะ เรียกว่า ‘พยาบาท’
นับเป็นโรคทางใจ
เมื่อพิจารณาอยู่อย่างนี้
แล้วเกิดสติเห็นก้อนเชื้อโรคในอกได้
ก็จะเกิดพลัง ล้างเชื้อโรคได้ครั้งหนึ่ง
เห็นผลง่ายๆ คือ ใจเปิดแผ่ออกเป็นสุข
อยากให้คนอื่นพลอยเป็นสุขตาม
นั่นเรียกว่าสร้างทุนขึ้นมาหนหนึ่งแล้ว
ยิ่งมากหนเท่าไร ยิ่งทุนหนาเท่านั้น
จากนั้น ฝึกใช้เมตตา ณ จุดเกิดโทสะให้ได้ทุกครั้ง
คือ เจอเรื่องชวนปี๊ดเมื่อใด
ให้มีสติรู้เมื่อนั้นว่า อกใจกำลังจะระเบิด
หรือระเบิดไปแล้วก็ช่าง
ให้เห็นว่านั่นแหละ โรคกำเริบหนัก
หากมีทุนหนา สะสมไว้มาก
ก็จะทำให้เกิดสติมาก ล้างเชื้อโรคได้ทันที
แต่หากสะสมทุนไว้เพียงน้อย
ก็จะเกิดสติเพียงน้อย
กว่าจะล้างเชื้อโรคได้ ก็ต้องใช้เวลาหน่อย
อันนั้นไม่เป็นไร
จะล้างได้มากหรือน้อย
ก็ยังนับว่าดีที่ได้ล้าง
และอยู่บนเส้นทางการพยายามฆ่าเชื้อโรค
ประเสริฐกว่าหลายคน
ที่เดินหน้าเข้าสู่กองไฟในชาติหน้า
ที่สร้างขึ้นจากโทสะในชาตินี้แล้ว!
ดังตฤณ
ตุลาคม ๖๒