Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๓๐๕

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

  

 

 

ความประสงค์ร้ายกลายเป็นความปรารถนาดี


editor305

 

ทุกข์ไม่เลิกราเพราะอกหัก

สะท้อนว่าจิตยังยึดกับความผิดหวัง

ยึดอยู่กับความเสียใจที่เป็นฝ่ายถูกทอดทิ้ง

 

แต่หากถูกหักอก

แล้วมองเขาหรือเธอไปดีได้แบบยิ้มๆ

ไม่แกล้งฝืน ไม่แฝงรสขม

ไม่อมทุกข์แบบหน้าชื่นอกตรมให้ใครดู

อันนั้นสะท้อนว่าจิตมีเป้าหมายใหม่

ที่ไม่ใช่ตัวบุคคลอันเป็นวัตถุภายนอก

แต่เป็นรสสุขภายในอันเป็นนามธรรม

คนเราเมื่ออิ่มสุขภายใน

ย่อมไม่หิวสุขภายนอก และลืมทุกข์ภายนอกเสียได้

 

ฉะนั้น การแผ่เมตตาจึงเป็นคำตอบหนึ่ง

สำหรับคนที่ มีต้นทุนทางจิตแบบพุทธอยู่ก่อน

หากเคยฝึกแผ่เมตตา

มีจิตตั้งมั่นอยู่ในสุขจากเมตตาธรรม

ก็จะผ่านช่วงอกกลัดหนองไปได้เร็วมากเป็นธรรมดา

เมื่อสุขก็สุขจริงแบบไม่ฝืน

เมื่อตัดใจก็ตัดได้จริงแบบไม่แกล้ง

 

แต่แม้ยังไม่มีต้นทุน ก็สร้างทุนขึ้นมาใช้แก้ทุกข์ได้

วิธีแผ่เมตตาง่ายๆตามที่พระพุทธเจ้าสอน

คือ ให้พิจารณาว่า ความพยาบาท

หรือความอาฆาตแค้นแน่นอกนั้น

เป็นโรคทางใจ หายจากโรคได้ก็สบายได้

กลับมามีเรี่ยวแรง มีกำลังวังชาได้

พอเห็นจริงตามนั้น ใจเราจะเบาโล่งขึ้นมาขณะหนึ่ง

ให้อาศัยขณะแห่งความเบานั้น

เป็นที่สังเกตรัศมีสุขที่เกิดขึ้น

จนรู้สึกถึงรัศมีสุขที่แผ่ออกไปไม่มีประมาณ

 

หรืออีกวิธีหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำ

ให้สวดแบบไม่หวังอะไร

นอกจากได้เป็นสุขกับการถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา

สวดหลายๆรอบจนสุขเอ่อชัด

คล้ายเราสวดเพื่อให้พระพุทธรูปมีความสุข

จับกระแสสุขนั้นแล้วแผ่ไปกว้างๆก่อน

โดยไม่ต้องนึกถึงหน้าใคร

กระทั่งสุขเกิดขึ้นต่อเนื่องแน่นอนระดับหนึ่ง

ค่อยอาศัยสุขนั้น กำหนดนึกถึงใบหน้าบุคคล

ขอให้เขาหรือเธอจงเป็นสุขเท่ากับที่เราเป็นสุขอยู่

แค่ฝึกอย่างนี้ไม่นาน

ความประสงค์ร้ายจะกลายเป็นความปรารถนาดี

เปลี่ยนจากนึกถึงหน้าคนแล้วเป็นทุกข์

กลายเป็นนึกถึงหน้าคนแล้วเป็นสุข

นั่นแหละ! ความอัศจรรย์ที่ไม่ลึกลับอะไร

จากการเปิดแผ่ เผยใจให้กับสุขในเมตตาธรรม!

 

 

ดังตฤณ

กรกฎาคม ๖๑