Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๘๐

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อสอบประจำวัน

 

editor279

 

จะปฏิบัติธรรมหรือไม่ปฏิบัติธรรม

เราก็ได้ยินเสียงบ่นเป็นกิจจะลักษณะเสมอว่า

รู้งี้ไม่มีคู่

อยากกลับไปเป็นโสดจัง

ทำไงจะได้ชีวิตตัวเองคืนมา?

หย่าแล้วไปบวชจะได้บุญหรือได้บาปหนอ?

ฯลฯ

 

สังสารวัฏไม่ให้คุณรู้อะไรมาก

เลือกเดินทางไหน

ก็เหมือนเจอกำแพงหมอกปิดกั้นทัศนียภาพทางนั้น

คุณเห็นได้ไม่เกิน ๑๐ ก้าวเสมอ

บางคนทนอยู่กับครอบครัวไปก็อธิษฐานไปว่า

เกิดชาติหน้าฉันใด

ขออย่าให้ได้มีคู่ครองอีกเลย

เจอใครขอให้แคล้วคลาดในสามวันเจ็ดวันเถิด

อธิษฐานเช่นนั้นตลอดชีวิต

เป็นมโนกรรมที่ทำเป็นอาจิณ

โดยไม่ได้คิดเจริญสติไปพลางๆ

ผลคือ พอเกิดใหม่แล้วลืมหมด

กิเลสยังหนาได้เท่าคนทั่วไป

อยากมีคู่ อยากอี๋อ๋อ แต่กี่ปีๆก็ไม่ได้เจอสักที

พอจะโฉบผ่านเข้ามาบ้าง

ก็มีอันต้องแคล้วคลาดทุกครั้งไป

อดรนทนไม่ได้ก็วิ่งโร่ปรึกษาหมอดู

ทำไมถึงไม่มีคู่เสียที

หมอดูที่รู้แต่เรื่องดาวก็บอกว่า

ดาวคุณมันทำมุมโสด

แต่บอกไม่ได้หรอกว่าชาติก่อนเคยคิดอะไร

เคยตั้งใจอะไร เคยอธิษฐานท่าไหน

อย่างมากก็แนะให้แก้เคล็ด แก้รหัสดาว

ว่ากันไปตามแต่ใครจะรู้วิชาตำราไหน

 

ถ้ารักจะปฏิบัติธรรมที่บ้าน

เพื่อไม่ต้องเข้าพวกหวังน้ำบ่อหน้า รอท่าชาติอื่น

แทนที่จะ คิดสั้นอธิษฐานถึงชาติหน้า

ก็ขอให้ คิดตรงตั้งใจในชาตินี้่แหละ

จะเจ็บปวดจากใคร

จะเบื่อหน่ายหน้าไหน

จะถูกกวนใจวันละกี่ครั้ง

ก็ขอให้ตั้งเป้าใช้คนคนนั้นเป็น

โจทย์ข้อแรกหรือ ข้อสอบประจำวันเสมอ

 

คนใกล้ตัว

มักเป็นที่มาของความรู้สึกซ้ำๆ

นับแต่ น่ารำคาญจริงๆ

ไปจนถึง โอ๊ย! ทนอีกไม่ได้แม้แต่วันเดียวแล้ว!

ให้ตั้งสติ ท่องไว้แม่นๆทุกครั้งว่า

ภาวะทางใจอันใดเกิดบ่อยกว่าอย่างอื่น

ภาวะนั้นแสดงอนิจจังบ่อยกว่าอย่างอื่น

แค่ดู แค่ไม่หลบ ไม่เฉไฉไปทางอื่น

ก็ได้ชื่อว่ามีโอกาสปฏิบัติธรรมอีกครั้งแล้ว

 

ระลึกซ้ำๆด้วยว่า

จะปี๊ดมากหรือปี๊ดน้อย

เมื่อเกิดขึ้นแล้ว

คนเรามักลืมที่ตกลงกับตัวเองไว้หมด

ที่นึกว่า จะดูความโกรธไม่เที่ยง

หรือที่นึกว่า โกรธจะรู้ว่าโกรธ

ทำได้หนเดียวในวันเริ่มตั้งโจทย์

แต่วันต่อมาจะกลายเป็นแล่นตามอำนาจความเคยชิน

อยากให้คนตรงหน้าหายไป

หรือไม่ก็ อยากจบๆกันตรงนี้

ไม่ต้องมาเจอกันอีก จะชาตินี้ชาติไหน

 

ความอยาก

มักพาเราออกนอกทางเจริญสติ

เช่น มองคู่อื่น เปรียบเทียบกับคนที่ได้ดีกว่า

 

ความอยาก

มักชวนเราตั้งธงที่ยากเกินตัว

เช่น อยากให้ชีวิตคู่จบลงวันนี้

ทั้งที่หวังพึ่งพาโน่นนี่นั่นจากคู่ครองอยู่

หรือไม่ก็อยากเปลี่ยนคู่ครองให้ดีขึ้น

ทั้งที่เปลี่ยนตัวเองให้เย็นลงไม่ได้เลย

 

ฉะนั้น ความอยากที่เป็นไปไม่ได้นั่นเอง

ควรเป็นจุดสังเกตแรก

 

ความอยากที่เป็นไปไม่ได้

มักเกิดตามหลังโทสะ ความหงุดหงิด

หรืออาการไม่ได้อย่างใจ

พอตั้งข้อสังเกตไว้อย่างนี้

ก็สังเกตพฤติกรรมทางจิตที่เกิดซ้ำๆ

เช่น เมื่อใจโวยวายว่า โธ่เอ๊ย! เอาอีกแล้ว!

คุณจะรู้สึกถึงอารมณ์คุกรุ่นที่ตามหลังมา

แล้วค่อยๆก่อตัวเป็นความท้อ

อยากเลิก อยากพูดประชด อยากด่าประจาน

อยากบ่นออกไมค์ทางเฟส ทางไอจี ฯลฯ

 

และหลังจากเกิดความอยาก

คุณจะเห็นอาการยึดวิธีใดวิธีหนึ่ง

เช่น ยึดว่าจะพูดอย่างนี้

ยึดว่าเจอกันจะชักสีหน้าใส่แบบนั้น

ยึดว่าต้องบ่นระบายใส่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง

ตั้งธงไว้ในใจแบบเอื่อยๆแต่เอาจริง

หรือตั้งธงไว้อย่างแน่วแน่แต่เปลี่ยนใจ

ไม่ว่าธงจะออกแนวไหน

ถ้าเห็นได้ก็นั่นแหละ ที่เรียกว่า เห็นความยึด

 

พอเห็นถนัดว่า

ชีวิตคู่ใน ส่วนที่ไม่น่าพอใจ

ปรุงแต่งใจคุณให้วนเวียนอยู่กับอารมณ์เดิมๆซ้ำซาก

ชนวนโทสะมาก่อน

โทสะตามมา

ความอยากที่เป็นไปไม่ได้ตามมา

อารมณ์ยึดว่าจะทำอะไรบางอย่างตามมา

ในที่สุดจะเกิดสติรวมลงตรงจุดเดียว คือ ใจ

ที่กำลังเป็นก้อนทุกข์ก้อนร้อนอยู่เปล่าๆก้อนหนึ่ง

เห็นก้อนทุกข์นั้นได้ทีหนึ่ง

ก็จะไม่เห็นประโยชน์กับการยึดถือมันไว้หนึ่งครั้ง

ใจที่ไม่เห็นประโยชน์

เห็นแต่โทษของการถือมั่นของตัวนั่นเอง

เป็นผู้ปล่อย เป็นผู้คลาย เป็นผู้วาง เป็นผู้ว่างเอง

โดยไม่ต้องให้ใครบอก ไม่ต้องให้ใครสั่งบังคับ!

 

 

ดังตฤณ

กรกฎาคม ๖๐