Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๗๕

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

 

อย่าเปรียบเทียบลูกกับเด็กอื่น

editor275

สมัยนี้เดินไปถามใคร
เห็นมีแต่คนรู้ มีแต่คนบอกถูกว่า
การเปรียบเทียบลูกกับเด็กอื่น
เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรทำ

แต่เพราะอะไรถึงไม่ควร
หายากที่ตอบได้!

และเอาเข้าจริง
พอถึงตาตัวเอง
ที่บันดาลอารมณ์อยากเปรียบเปรย
พ่อแม่เกินครึ่งมักหลุด
เห็นลูกใครเก่งอัจฉริยะ
เห็นลูกใครน่ารักน่าหยิก
เห็นลูกใครช่างพูดน่าชื่นใจ
แล้วหันมามองลูกตัวเองไม่ใช่อย่างนั้น
ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งลอยลมเข้าหูลูกบ้าง
หรือกระทั่งละเมิดกติกาที่ตัวเองรู้เต็มอกบ้าง
คือ วันดีคืนดีก็พูดใส่หน้าลูกจังๆว่า
‘ทำไมไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง... หา?’


คุณไม่รู้หรอกว่า
ถ้าพูดกรอกหูลูกทุกวัน
จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตลูก
รู้ตัวอีกที ก็อาจต้องแบกรับภาระ
ที่ลูกกลายเป็นวัยรุ่นอารมณ์เหวี่ยง
สุขเกินจริง ทุกข์เกินเหตุ สามวันดีสี่วันไข้
และเป็นผู้ใหญ่ที่ทนทำงานที่ไหนไม่ได้นาน
ต้องแบมือขอตังค์จากคุณไปตลอดชีวิต


คุณไม่รู้หรอกว่า
ถ้าจำกติกาแม่น
ไม่เคยเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนไหนเลย
แล้ววันหนึ่งเบรกแตก
เผลอปล่อยหมัดเด็ดสอยลูกคางลูกเต็มเปา
เอาแค่ครั้งเดียว ขอแค่ครั้งเดียวที่จี้จุดน็อกถูก
ความรู้สึกดีๆเกี่ยวกับชีวิตและตัวตนของเขา
อาจพังทลายหายสูญไปในพริบตา
แม้อุตส่าห์สร้างสมมานับสิบปีดีๆอยู่แล้ว


ถ้าไม่รู้ว่าลูกจะมีปัญหาแค่ไหน
เป็นปมฝังแน่นเพียงใด
ขอแนะนำให้รู้เสียแต่วันนี้
ไม่ต้องดูจากตำราไหน
เอาตัวอย่างของจริง
ที่เห็นๆอยู่รอบตัวคุณเถอะ
หรือจะเอาแบบใช้ตัวเองเป็นเครื่องประจักษ์ก็ได้
ย้อนนึกระลึกไปถึงครั้งยังเด็ก
ยังอยากได้คำชมจากผู้ใหญ่
ยังต้องการภูมิใจในชีวิตนี้
ที่ไม่เคยรู้ว่าเกิดมาทำไม


เวลามีใครชมเล็กๆน้อยๆ
ความพองอกพองใจมันผลักดัน
ให้ทำอะไรดีๆได้แค่ไหน?


แล้วตอนครูดุด่าเรื่องทำการบ้านผิด
กับตอนพ่อแม่ติเตียนเรื่องตัวตน
อันไหนมันแสบร้อนและเจ็บลึกกว่ากัน?


แล้วเคยโดนไหม
บอกว่าไอ้ลูกคนนี้ไม่ได้เรื่อง
ทำไมไม่เห็นเหมือนลูกคนอื่นบ้าง
อยากแลกลูกกับเพื่อนฉันเหลือเกิน...
จำได้ไหมว่าคุณหน้าเศร้าไปนานขนาดไหน
แล้วหันไปเล็งตามอง ‘ลูกคนอื่น’ ท่าใด?


ความรู้สึกด้อยค่า ราคาต่ำ
ไม่สามารถเป็นอะไรได้เท่าคนอื่น
รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่มีใครต้องการ
คือที่มาของอาการก้มหน้า
เก็บกด คิดมาก เจ้าปัญหา
ขาดความมั่นใจในตัวเอง
ก้าวร้าวออกมาจากส่วนลึก
ขี้อิจฉาริษยาออกมาอย่างตื้นเขิน
ค่อยๆโตขึ้นแบบมีปัญหากับสังคม
และที่สุดของที่สุด
คือมีความรู้สึกเป็นศัตรูอยู่ลึกๆกับพ่อแม่


ถ้าบังเอิญลูกมีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัว
คุณอาจไม่มีวันได้เห็นความเป็นอัจฉริยะนั้น
และถ้าบังเอิญลูกจะมีความน่ารักน่าพิศวาสเฉพาะตัว
คุณอาจไม่มีสิทธิ์พบเจอความน่ารักนั้นเลย
เพราะชาตินี้ทั้งชาติของเขา
จะถูกบดขยี้จนบี้แบน
ด้วยตุ้มถ่วงแห่งความใจน้อย เก็บกด
แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจไม่ล่วงรู้จนวันตายว่า
ที่แท้ชีวิตเขามีค่ากับโลกได้ยิ่งกว่าที่คิดแค่ไหน


หากอ้างว่า เปรียบเปรยไปเพราะอยากให้ฮึดสู้
ให้ลูกอยากเอาชนะคำสบประมาท
ก็ขอให้เข้าใจว่านั่นเป็นเรื่องของคนโตๆแล้ว
ที่ได้ยินคำสบประมาทเชิงท้าทายท้ารบจากคนอื่น
ไม่ใช่เด็กน้อยที่ได้ยินคำสบประมาท
เชิงดูถูกดูแคลนจากพ่อแม่ตัวเอง


เพื่อจะไม่เผลอก่อเรื่อง
ไม่สร้างปัญหาให้กับลูกและตัวเองในระยะยาว
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ให้สังเกตอารมณ์อยากเปรียบเปรยเต็มแก่
เห็นให้ได้ว่า โทสะจะเริ่มก่อตัว
กลายเป็นแรงดันคับอก
ความไม่ได้อย่างใจ จะเค้นคอให้ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ก้มมองลูกเหมือนตัวเหม็นอะไรสักตัว


แต่ก่อนจะเผลอหลุดปาก
ให้ตั้งสตินิดหนึ่ง
บอกตัวเองว่าโอเค จะระบายออกมาบ้าง
ไม่งั้นอัดอั้นจุกอกตายแน่
ทว่าแทนการยกเอาเด็กอื่นมาเปรียบ
ให้เอาตัวลูกเองในวันก่อนที่ดีกว่านั้น
มาอ้างอิงถึง หรือมาทำให้นึกได้ว่า
เขาเคยดีได้มากกว่าที่กำลังเป็น


ถ้าลูกถูกกระทบกระเทียบ
เปรียบเปรยกับตัวเองบ่อยๆ
ผลจะร้ายจะดี เขาก็ถูกโปรแกรมให้สู้กับตัวเอง
เทียบตัวเองระหว่างวันนี้กับเมื่อวาน
ถ้าจะไม่ได้อย่างใจ
ก็ไม่ได้อย่างใจที่เมื่อวานทำได้ดีกว่านี้
ไม่ใช่ไม่ได้อย่างใจ
แล้วดันไปอิจฉาคนอื่นที่เหนือกว่าตน
และรู้สึกว่าตนเองถูกปิดประตูสู้
จากเงื้อมเงาของอะไรก็ไม่ทราบ
แท้จริงแล้ว เงื้อมเงาลึกลับที่ว่านั้น
ก็คือคำสบประมาทของพ่อแม่
ที่คุ้มกะลาหัวเขามาแต่อ้อนแต่ออกนั่นเอง!


ดังตฤณ
พฤษภาคม ๖๐