Print

จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๗๑

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

ต่อเวรหรือตัดเวร

 

editor271

 

ทุกข์หมายเลขหนึ่ง
สำหรับคนส่วนใหญ่
คือการเจอกับคู่เวร
เพราะคู่เวรคือมนุษย์คนหนึ่ง
ที่คุณยอมให้เข้าถึงตัวคุณได้
ยืดเยื้อยาวนานกว่ามนุษย์อื่น
บางทีถึงขั้นรู้สึกว่าเวลาทั้งชีวิต
เสียเปล่าไปให้กับการจมปลัก
อยู่ในบ่อทุกข์บ่อร้อนทีเดียว

ด้วยเหตุนั้น จึงกล่าวได้เต็มปากว่า
ถ้าเปลี่ยนคู่เวรให้เป็นคู่บุญได้
ก็เท่ากับตัดก้อนทุกข์
อันเป็นเนื้อร้ายขนาดมหึมา
ออกจากเส้นทางเวียนว่ายตายเกิดได้ก้อนหนึ่ง

เมื่อตัดทุกข์จากคู่เวรได้ชาติหนึ่ง
ก็เท่ากับได้นิสัยปัจจัยให้ตัดเวรตัดภัยได้อีก
เมื่อต้องเจอ ‘คู่เวรรายอื่น’ ในชาติถัดๆไป

เพื่อจะตัดทุกข์จากคู่เวร
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ
ทั้ง ‘ที่มา’ และ ‘ที่ไป’ ของคู่เวรให้ดี
ถ้าไม่เข้าใจ หรือมองแบบคนสายตาสั้น
ก็อาจแก้ปมแห่งภัยเวรได้นิดเดียว
ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่หมดจดเกลี้ยงเกลา
หรืออีกทีนอกจากไม่แก้
ยังเขม็งเกลียวแน่นขึ้นเป็นสองเท่า!

‘ที่มา’ ของคู่เวร คือบุญที่เคยดีต่อกันมา
ขนาดที่กรรมสัมพันธ์สร้างภาวะคู่
ดึงดูดชีวิตของสองฝ่ายให้มาประกบติดกันได้
ขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักบาป
ที่เคยร้ายต่อกันมากกว่าบุญ
เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กันแรง
ขนาดก่อหลุมดำขึ้นภายใน
เมื่อเข้าคู่กันแล้ว ประกบติดกันแล้ว
ก็สูบความสว่างหายไป กลายเป็นดำมืด
มีเรื่องบันดาลโทสะ
หรือมีเหตุปัจจัย ทั้งนอกตัวและในหัว
บีบคั้นให้สร้างความเจ็บใจ
ขั้นรุนแรงต่อกันไม่หยุดหย่อน

สังเกตง่ายๆจากความรู้สึกภายใน ประมาณว่า
- เจอกันแล้วอดไม่ได้ที่จะคบกัน
ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเข้ากันได้สนิท
- คบกันแล้วอดไม่ได้ที่จะมีอะไรกัน
ทั้งที่ไม่ได้นึกรักนึกพิศวาสขนาดเต็มใจให้เข้าถึงเนื้อตัว
- เข้าถึงเนื้อตัวแล้วก็แยกกันไม่ขาด
ทั้งที่เห็นหน้าหรือพูดจากันแล้วหงุดหงิดอยู่เรื่อย
- แยกไม่ขาดแล้วเกิดเรื่องน่ากลุ้ม น่าปวดหัวบ่อยๆ
ทั้งที่ก็ไม่ได้อยากก่อเรื่องก่อราวมากมาย
คล้ายผีผลักให้ก่อเรื่อง ด้วยสติครึ่งๆกลางๆ ดับๆติดๆ

เมื่อใช้ชีวิตแบบคู่เวรไปถึงจุดหนึ่ง
คุณจะรู้สึกเหมือนถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น
ต่อให้อยู่ในคฤหาสน์ราชวังโอ่อ่าอาภา
ก็ต้องทนทุกข์ด้วยความรู้สึกคล้ายอยู่ในห้องขังแคบ ทึบทึม
ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันเป็นอิสระกับใครเขาไม่ได้

เหตุที่ต้องมีคู่เวร หลีกเลี่ยงคู่เวรไม่ได้
ไม่ใช่เพราะเผอิญซวย ไม่ใช่เบื้องบนกลั่นแกล้ง
แต่เป็นเพราะ ‘ตัดสินใจต่อเวร’ กันมาทุกครั้ง
ที่เกิดมาเจอกันแบบมนุษย์ สัตว์ หรือเปรต
(คู่เวรไม่มีทางเจอกันในสภาพเทวดา
เพราะภาวะแห่งเทวดาคือการเสวยสุข
ถ้าจะเจอใครในฐานะเทวดา ก็ต้องเป็นคู่บุญ
บุญที่ทำมาคู่กันได้จังหวะเวลาเผล็ดผลร่วมกันเท่านั้น)

การต่อเวร ใช้เวลาหลายภพหลายชาติ
แต่ละชาติมักใช้เวลาหลายสิบปี
พอกพูนการคิดไม่ดีต่อกัน สะสมคำเสียดแทงกัน
เพิ่มคดีลงมือประทุษร้ายกันต่างๆนานา
โดยอาศัยชีวิตประจำวันใต้ชายคาเป็นเครื่องมือ

เมื่อสะสมกรรมเน่าเหม็นเหมือนอุจจาระกองภูเขา
เช่นนี้แล้ว การจะตัดสินใจ ‘ตัดเวร’ ในชาติใดชาติหนึ่ง
จึงไม่ใช่ใช้เวลา ๕ นาที สวดมนต์ กรวดน้ำคว่ำขัน
หรืออธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปเอาดื้อๆว่า
อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน
มันไม่มากพอจะทำลายภูเขาทั้งลูกไหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอธิษฐานด้วยปมแห่งความเจ็บใจ
ยังมีความผูกใจเจ็บแน่นหนา ไม่ได้ปล่อยวางจริง
ปากแกล้งอภัยกับลมแล้ง
แต่สายตาพอสบกันจริงยังฉายแววขุ่นข้องอาฆาต
แบบนั้นนอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรๆดีขึ้น
ยังกลับจะซ้ำเติมให้หนักกว่าเก่า
รู้สึกขัดแย้งยักแย่ยักยัน
เจอกันใหม่ในชาติอื่นจะบอกไม่ถูกว่า
ความรู้สึกวาบหวามปนขนลุกเกิดขึ้นจากอะไร

‘ที่ไป’ ของคู่เวร ต้องเปลี่ยนเส้นทางกรรมต่อกัน
เมื่อคู่เวรปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในชีวิตนี้
ให้บอกตัวเองว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
นี่คืออีกชาติหนึ่งที่ได้เจอกัน
เขาหรือเธอยังมีชีวิต มีเลือดเนื้อให้จับต้องได้
ซึ่งหมายความว่า ยังคงเป็นโอกาสแห่งกรรมใหม่ได้
ยังมีเนื้อหนังให้ตัดสินใจปฏิบัติต่อกัน
แบบต่อเวรอีก หรือตัดเวรทิ้งเสียที

ถ้าจะต่อเวร ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่า
ปล่อยให้อะไรๆมันดำเนินไปตามสัญชาตญาณ
สัญชาตญาณแบบคู่เวรจะสร้างเรื่องร้ายขึ้นมาเอง

แต่ถ้าจะตัดเวร คุณต้องทุ่มเทมากหน่อย
พยายามกลับใจดำๆให้เป็นขาวเสีย
เมื่อใดโดนทำให้เจ็บใจ ก็อย่าทำเรื่องน่าเจ็บใจตอบ
อยู่ดีๆนึกอยากด่าเล่น
ก็ให้ฝืนทิฐิมานะ หาเรื่องชมขึ้นมาลอยๆ
หรือเกิดเหตุร้ายให้นึกอยากพ่นคำด่าสาดจริงจัง
ก็ให้ฝืนโทสะ ชวนกันคิดแก้เหตุร้ายให้คลี่คลายเป็นดีแทน

พูดให้สั้นที่สุด มีใจจริงจัง
กับการเปลี่ยนทุกอกุศลให้เป็นกุศลร่วมกัน

คู่เวรนั้น มีดีที่ทำให้เต็มใจเชื่อ
เรื่องจองเวรจองกรรมข้ามชาติ
และเมื่อคุณเก่งขนาดสามารถเปลี่ยนคู่เวร
ให้กลายเป็นคู่บุญได้ในชาติเดียว
ก็จะมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาว่า
บนเส้นทางเวียนว่ายตายเกิดแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่นี้
คุณเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้หมด
ไม่มีอะไรอีก ที่คุณทำไม่ได้ภายใต้ตะวันธรรม!


ดังตฤณ
มีนาคม ๖๐