Print

จากใจบก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๖๗

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

จริงจังแต่อย่าเคร่งเครียด

editor266

 

เหตุใดเราจึงเจอคนขี้ปด
ชอบปั้นน้ำเป็นตัวตลอดเวลา
มากขึ้นทุกที?

ทุกคนต่างมีข้ออ้างดีๆที่จะโกหก
แต่ไม่มีใครในโลกที่สมควรอ้างว่า
จำเป็นต้องโกหกอยู่ทุกวัน ทุกเวลา
เว้นแต่คนคนนั้นต้องการตัวตนแบบหนึ่ง
ประมาณว่า เกิดมาเพื่อสร้างหน้ากาก
เกิดมาเพื่อสวมหน้ากากนั้นไว้ตลอดชีวิต
ไม่คิดจะให้ใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงเลย

สาเหตุอันดับหนึ่งของการโกหกตลอดเวลา
คือ ไม่พอใจชีวิตตัวเองขั้นรุนแรง
หมายความว่า ถ้าเจอใครที่โกหกได้ทุกเรื่อง
ไม่ว่าเรื่องสำคัญที่น่าโกหก
หรือกระทั่งเรื่องหยุมหยิมที่ไม่มีใครเขาโกหกกัน
ก็ให้สันนิษฐานว่า เขาหรือเธอเป็นทุกข์กับตัวเอง
ไม่สนุกกับชีวิตของตัวเองพอ
จึงต้องหาความสุข หาความสนุกกับการเป็นใครอีกคน
ที่ห่างจากตัวจริง ใจจริงๆของตนมากๆ

ที่เห็นเขาหรือเธอมีความสุขที่จะโกหก
มันเป็นแค่อารมณ์พอใจ มีปีติชั่ววูบชั่ววาบ
ที่ลืมตัวจริงๆของตนได้สักพักหนึ่ง
โดยทำให้คนอื่นหลงเชื่อได้สักครู่ว่า
ฉันมีใครต่อใครชื่นชม ฉันเป็นคนดี
ฉันเป็นที่ต้องการ ฉันสำคัญที่สุด

สรุปคือ ตัวจริงของเขาน่ะ เป็นทุกข์
แล้วก็เป็นทุกข์ชนิดยืดเยื้อเรื้อรัง
จนต้องพยายามสร้างความสุขที่ไม่มีอยู่จริง
ด้วยการปั้นเรื่องเอาดื้อๆ
และไม่คิดทำอะไรดีๆ สร้างคุณค่าที่แท้ขึ้นมา
หรือเมื่อทำอะไรดีบ้าง
ก็คูณเข้าไปสิบ ร้อย พัน
แล้วเรียกร้องให้คนทั้งโลกจำสิบร้อยพันนั้นไว้

เจอคนประเภทนี้
ถ้าคุณเข้าใจ ก็จะไม่นึกเกลียด
แต่สงสาร หรือเห็นเหตุผลที่จะเห็นใจ
กับทั้งรู้ว่าเขาหรือเธอขุดตัวเองแล้ว
ขุดทางสร้างกรรมไปสู่คุกอันเป็นทุกข์ยิ่งแล้ว
เพราะเมื่อโกหกมาก เท่ากับบิดเบือนโลกมาก
โลกที่จะต้องไปอยู่ จึงเป็นโลกที่ไม่มีอะไรจริง
มีแต่คนปลิ้นปล้อน มีแต่นักสร้างเรื่อง
มีแต่คนแอบแลบลิ้นหลอกกัน
สาดโคลนใส่กัน แทงกันข้างหลัง
หาใจจริงไม่เจอ ทั้งจากคนอื่น และจากตัวเอง

การพยายามช่วยเหลือ
มีโอกาสสำเร็จเกือบเป็นศูนย์
เพราะคนโกหกเก่ง
จะมีจิตที่ถูกปรุงแต่งให้เพี้ยนคิดไปว่า
ตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น ไม่มีใครเทียบทันตนเอง
โอกาสรอดเดียว คือ เขาหรือเธอไปถึงจุดหนึ่ง
ที่เอียน หรืออยากอาเจียนกับการเป็นใครก็ไม่รู้
ทนดูหน้าตัวเองในกระจกไม่ได้
แล้วอยากเจอตัวเองในโลกความจริง
โลกของธรรมะสว่าง
โลกที่ช่วยให้กระจ่างว่า ความจริงเป็นสิ่งสวยงาม
แม้ความสวยงามนั้น ยังไม่น่าพอใจ
ก็เต็มใจจะทำให้มันดีขึ้น ด้วยคำอันเป็นสัตย์
และความพยายามอันเป็นจริง

ทางรอดเดียวที่จะออกจากภพของการลวงโลก
เริ่มก้าวแรกจากการเห็นความไม่พอใจตัวเอง
เห็นความสุดทนที่จะเป็นคนไม่สำคัญ
ไม่มีใครชื่นชม ไม่มีใครอยากรักอยากเหลียวแล
อารมณ์ชนิดนั้น จะแปรเป็นแรงบิดจิตให้เบี้ยว
อยากให้ทั้งโลกเห็นตัวเองในแบบที่สูงส่งขึ้น
งดงามขึ้น น่ารักขึ้น โดยไม่ต้องออกแรงอะไร
มากกว่าการปั้นคำขึ้นมาสร้างภาพ
สร้างความเชื่อ สร้างความเข้าใจที่ผิดจากความจริง

คุณจะเห็นว่าแรงขับดันมหาศาลเกินต้านนั้น
ทำให้คำสามารถพรั่งพรูออกมาร้อยแปด
กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ
เค้นภาพที่ไม่มีให้มันมีขึ้นมา

หากยอมรับตามจริงได้ว่า มีแรงขับดันชนิดนั้น
และมีคำพูดพรรค์นั้นพรั่งพรูออกจากปากได้บ่อยๆ
ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘สติยอมรับความจริง’ ขึ้นมา
คือ ยอมรับว่ามีแรงดัน มีการประดิษฐ์คำหลอก
และในที่สุดก็กลายเป็น ‘รับรู้ตามจริง’ ว่า
จิตอยู่ในภาวะหลอก ภาวะหลง ภาวะโง่
ไม่ใช่ภาวะจริง ไม่ใช่ภาวะดีๆ ไม่ใช่ภาวะฉลาด
การดึงดูดคนอื่นให้มาอยู่ในโลกลวงของเรา
เท่ากับการต้องจมตัวเองอยู่ที่ศูนย์กลางของโลกนั้น
ไม่ได้น่าภาคภูมิใจอย่างที่คิด

จากนั้น จิตจะค่อยๆเกิดความสามารถ
เห็นเปรียบเทียบได้ว่า
อาการของจิตปกติ กับจิตลวงโลก แตกต่างกันอย่างไร
แล้วจะเกิดความพอใจ ฉลาดเลือกใหม่
เลือกที่จะเป็นปกติ
ตลอดจนสร้างความพอใจขึ้นจากความปกตินั้น
ไม่ใช่เอาแต่สร้างความพอใจขึ้นจากความผิดปกติอีก!

ดังตฤณ
ธันวาคม ๕๙