Print

จากใจบก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๕๖

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 


เลี้ยงลูก... ไม่มีอะไรดีเท่าเล่านิทาน

 editor256

 

ตั้งธงไว้
คุณจะเล่านิทานสดให้เป็น
แล้วภายในเดือนเดียว
คุณจะสอนลูกได้ทุกเรื่อง!

เริ่มต้นขึ้นมา
ให้เล่านิทานตามภาพในหนังสือ
และข้อความตามที่คนอื่นเขียนไว้

ขั้นต่อมา
ให้ฝึกใช้เสียงสูงต่ำ
ใส่อารมณ์เข้าไป ไม่น้อยไป ไม่มากเกิน
กับทั้งมีคำควบกล้ำ ร.เรือ ล.ลิง ถูกต้อง
เล่าแล้วภาพในหัวของลูก
ถึงจะชัดเจนเหมือนกับเกิดขึ้นจริง
เสียงสนุก บางทีดีกว่าเรื่องสนุกเสียอีก

เมื่อสามารถเล่าอย่างได้รสได้อารมณ์แล้ว
ภาพในหัวของคุณเองจะพลอยแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
บางครั้ง บางจังหวะ เหมือนมีภาพในใจ
เป็นต่างหากจากหนังสือนิทาน
ณ จุดนั้น ให้เป็นตัวของตัวเอง
ถ้าอยากพูดอะไรแตกต่างจากหนังสือ
ให้พูดไปเลย เล่าไปตามภาพในหัวเลย
โดยเฉพาะอะไรดีๆ ที่หนังสือไม่ได้เขียนไว้
และอะไรเสียๆ ที่หนังสือสอนไม่ครบ

หลังจากรู้จักพูดอะไรดีๆเองตามความรู้สึกได้
ให้ฝึกใช้ภาพในหนังสือนิทาน
พูดแจกแจงตัวละครแต่ละตัว
ว่ามีดีมีเลวอย่างไร
มีที่มาที่ไปอย่างไร
มีความรู้สึกกับตัวละครอื่นอย่างไร
เห็นโลกอย่างไร
ตัวไหนทำกรรมดีหรือกรรมชั่วไว้มากกว่าตัวอื่น
ไม่จำเป็นต้องอิง เรื่องราวที่เขาเขียนในนิทาน
ใช้ความรู้สึกของคุณ
ตอนเห็นตัวการ์ตูนอย่างเดียวพอ

ถ้าแค่เห็นภาพแล้วเล่าได้เป็นตุเป็นตะ เป็นคุ้งเป็นแคว
คุณจะรู้สึกถึงความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่
ที่ก่อตัวขึ้นเอง รู้จักผสมผสานไม่จำกัด
และอยากเล่าอะไรให้ลูกฟังมากมาย
พอนึกถึงตัวละครหนึ่ง ก็จะเห็นชัดว่าตัวละครนั้น
อยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร
เหมาะสมกับสถานที่แบบไหน
ขณะอยู่กับตัวละครอีกตัวหนึ่งจะพูดว่าอย่างไรบ้าง

ให้ดีที่สุดคือสังเกตว่า ในวันหนึ่งๆ
มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับลูกบ้าง
หรือเขาดูการ์ตูนเรื่องไหนบ้าง
ให้เอาตัวเขา มาเป็นพระเอกนางเอก
เพื่อให้ความรู้สึกของเขาเชื่อมติดกับเรื่องของคุณ
ตั้งชื่อเขาใหม่ เช่น
เจ้าชายดอกไม้ (อาจเอามาจากลายดอกไม้ในเสื้อนอนลูก)
เจ้าหญิงผีเสื้อ (อาจเอามาจากสัตว์ที่ลูกถามถึง)
แมคควีนของพ่อ (อาจเอามาจากการ์ตูนเรื่องโปรดของลูก)
บาบี้ของแม่ (อาจเอามาจากตัวการ์ตูนที่ลูกวาดบ่อยๆ)
แล้วใส่เหตุการณ์ให้เชื่อมโยงกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
เล่าเป็นเรื่องราวมีสีสันสนุกสนาน
เช่น เจ้าชายดอกไม้ เกิดมาในเมืองที่สงบสุข
เขาได้ชื่อว่าเจ้าชายดอกไม้
เพราะสามารถคุยกับดอกไม้รู้เรื่อง
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าชายดอกไม้พบกับ...

แค่มีภาพในหัวเกิดขึ้นเป็นชนวนเพียงเท่านั้น
ใจคุณจะเชื่อมโยงได้ฉากต่อฉากไปเอง
โดยไม่ต้องเค้นคิด
(ถ้ายังต้องคิดเค้น แสดงว่ายังไม่ผ่านการฝึกขั้นที่ผ่านๆมา)
คุณจะเกิดความมั่นใจขึ้นเอง
หลังจากเล่าได้เป็นน้ำไหลตั้งแต่ครั้งแรก
และคุณจะรู้ขึ้นมาเองว่า
จะสมมุติเหตุการณ์แบบไหนสอนลูกตรงจุด

ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าวันนั้นลูกโยเยอยากดูการ์ตูนนานเกินที่คุณกำหนดไว้
ก็อาจเล่าเรื่องบาบี้ของแม่
ที่ถูกล่อลวงให้เข้าไปในเมืองมายา
เมืองนั้นเต็มไปด้วยภาพน่าสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจ
แต่ก็น่ากลัวตรงที่ถ้ากลับออกมาไม่ทันเวลาปิด
บาบี้ของแม่จะติดอยู่ในเมืองมายา กลับออกมาไม่ได้
ภาพน่าสนุกสนานจะหายไป
กลายเป็นเมืองร้าง เต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า
กลบเสียงเรียกของแม่ที่ยืนอยู่นอกกำแพงเมืองไปหมด เป็นต้น

ยิ่งฝึก คุณจะยิ่งรู้เองว่า
จะสอนลูกตรงไหน ด้วยเหตุการณ์สมมุติใด
 
จำไว้ว่า ถ้าคุณเป็นแต่เล่านิทานด้วยเสียงเอื่อยๆ
พูดตามตัวหนังสือเป๊ะ
ไม่เคยสังเกตรายละเอียดน่าสนใจในรูปเลย
ไม่สนใจต่อยอดตามคำถามของลูกเลย
คุณไม่มีทางเชื่อมตัวเองกับลูกผ่านนิทานได้
แต่ถ้าคุณสามารถแต่งและเล่านิทานสดได้ทุกคืน
ก็จะพบว่า ลูกมีจินตนาการบรรเจิด
ความคิดสร้างสรรค์ของคุณ
กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ขึ้นในเขา
ความสนุกสนานจากการเล่าเรื่องของคุณ
จะเปิดใจเขาให้รับฟังคุณทุกคำ
การใช้เหตุผลของคุณ
จะกลายเป็นแม่แบบในการใช้เหตุผลของเขาไปหมด

 ถ้ามีเวลาเจอหน้าลูกเพียงวันละสิบนาที
ให้เลือกใช้มันเล่านิทานก่อนนอน
แล้วความคิดสร้างสรรค์ของคุณจะเติบโตไปพร้อมลูก
คุณและลูกจะผูกพันแน่นแฟ้น
เพราะลูกรู้สึกว่า มีคุณอยู่ในชีวิต และคิดแบบที่คุณคิด
ส่วนคุณก็รู้สึกว่า ตัวเองสร้างลูกมากับมือ
ไม่ใช่แค่ทำให้เขาเกิดมา

ดีที่สุดที่คุณอาจคาดไม่ถึง คือ
เพียงวันละสิบนาทีที่เล่านิทานให้ลูกฟัง
จะทำให้ลูกกลายเป็นนักเล่าเรื่อง
ทำให้เขาโตแบบคิดเองเป็น
และมีหัวใจที่อบอุ่นอ่อนโยน
ซึ่งโลกยุคต่อไปต้องการเป็นที่สุด

อย่างที่ สตีฟ จ็อบส์ เคยกล่าวไว้ในปี ๑๙๙๔
เกี่ยวกับบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกว่า
ไม่ใช่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ไม่ใช่เนลสัน แมนเดลลา
แต่เป็นนักเล่านิทาน!
"นักเล่านิทานคือนักสร้างจินตภาพ
ค่านิยม และพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นจริง
ให้กับผู้คนในแต่ละยุค
และตอนนี้ดิสนีย์ก็ผูกขาดธุรกิจเล่านิทานนั้นอยู่
แล้วรู้ไหม ผมชักเบื่อนิทานไร้สาระแบบนั้นเต็มทน
ผมนี่แหละ ที่จะเป็นนักเล่านิทานคนต่อไป!"

สตีฟ จ็อบส์ เป็นเจ้านายของบรรดาคนที่เก่งกว่าเขา
กลายเป็นซูเปอร์เซลล์แมนที่มีคนอยากฟังเขาขายของ
แล้วก็เปลี่ยนโลกทั้งใบ
ด้วยการทำให้เราๆท่านๆมีไอโฟนใช้
ทั้งหมดก็เริ่มต้นจากที่เขาเล่านิทานเก่งนั่นเอง!

ดังตฤณ
สิงหาคม ๕๙