Print

จากใจ บก.ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๔๗

dungtrin_editor_cover

dungtrin_new2

 

 

 

 

 

 

 

เลี้ยงคนอย่างไร ได้คนอย่างนั้น


 editor247

 

จะรู้ว่ามีธรรมะแค่ไหน

ไม่ใช่ดูกันที่เข้าใจข้อธรรมพิสดารเพียงใด

แต่ต้องดูว่าฝึกอะไรอยู่จริงๆบ้าง

อย่างเช่นถ้าคิดเจริญสติ ให้ถามตัวเองว่า

เราเอาปัญหาในออฟฟิศมาเป็นโอกาสฝึก

หรือใช้เป็นข้ออ้างว่ายุ่ง วุ่นวาย ไม่มีเวลาเจริญสติ

 

สิ่งที่ใช้เป็นเครื่องเจริญสติได้ดีที่สุด

คือการแก้ปัญหาเรื่องคน

ธรรมดาเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับคน

จิตใจเราจะปั่นป่วนว้าวุ่นตามดีกรีของปัญหา

 

ถ้าไม่ฝึกเอากับของจริง

ทุกคนจะมีอัตตาเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา

โมโหขึ้นมาจะอดไม่ได้ อยากด่าให้เจ็บ

แถมบางคนมีพรสวรรค์ในการสร้างศัตรู

ด่าทีเดียว คนถูกด่าปฏิญาณขอจองเวรไปทุกชาติทันที

 

การฝึกจริง ต่างจากการแกล้งทำเป็นไม่โกรธ

ต่างจากการสวมหน้ากากคนใจเย็น

และยิ่งไม่ใช่แสดงละคร

ตั้งต้นขึ้นมาพูดดีๆให้ตายใจ

เสร็จแล้วตลบหลัง ใช้คำเจ็บๆให้ปวดแสบปวดร้อน

อย่างนี้คนจะนึกเกลียด

แล้วก็ไม่รู้สึกแม้แต่น้อยว่าคนด่านี้เท่เหลือร้าย

 

การฝึกจริง เริ่มจากการจำให้แม่นๆว่า

เราต้องการอะไรจากการคุยกับคนคนหนึ่ง

อยากให้เขาสำนึก

อยากให้เขาเปลี่ยนแปลง

หรืออยากให้เขารู้ตัวว่ากำลังจะโดนไล่ออกแล้ว

 

การนึกถึงเป้าหมายให้ชัดเจนสำคัญมาก

ตอนเกิดอารมณ์โกรธ

คุณจะไม่มีเป้าหมายอื่นใดยิ่งไปกว่า

อยากระบายโทสะ อยากเห็น มันโดนลงโทษ

หรืออย่างน้อยอยากให้คนผิดได้รับความเจ็บปวด

ซึ่งก็ไม่มีอะไรง่ายกว่าอ้าปากด่าๆๆ

จนกว่าตัวเองจะรู้สึกเหนื่อย

หรือจนกว่าจะเห็นคนถูกด่าอยู่ในสภาพย่อยยับอับปาง

 

ภาพเป้าหมายในใจยิ่งชัด

ใจคุณจะยิ่งเย็น นิ่ง ไม่สับสน

ไม่อึงอลไปด้วยคำด่าสารพัดชนิด

จิตพร้อมจะฉลาด รู้ทิศรู้ทางไปให้ถึงเป้าหมาย

เริ่มจากการเลือกใช้คำเพื่อเข้าเป้าแบบตรงไปตรงมา

แต่ไม่จู่โจมจนน่าตกใจ

สามารถคุมโทนเสียงหนักเบาให้เหมาะกับจังหวะ

แต่ไม่ถึงขั้นให้รู้สึกว่าชวนเขาเล่นละครเวทีกัน

 

จากนั้นก็อาศัยหลักของการเจริญสติไปเรื่อยๆ

คือ สังเกตใจตัวเองเป็น

และอ่านปฏิกิริยาอีกฝ่ายออก

 

แค่ระลึกบ่อยๆว่า

สติยังอยู่กับตัวเพื่อเอาสิ่งที่ต้องการหรือเปล่า

สังเกตจากใจตัวเองก่อน

ถ้าอึงอล สับสน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

มักมีคำด่า คำเสียดแทง หรือคำเค้นคอผุดขึ้นมา

แต่ถ้าสงบ ยังจับเป้าหมายได้ชัด

คุณจะรู้ตัวว่าพูดไปถึงไหนแล้ว และต้องพูดอะไรต่อ

 

ถ้าพูดแล้วใจสงบ มีสติ

คุณจะมีความสามารถสำเหนียกสัมผัสปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย

พูดคำไหนแล้วเขายอมรับ ยอมฟัง

พูดคำไหนแล้วเขาแอบคิดโต้แย้ง ต่อต้าน

พูดคำไหนแล้วเขาสำนึก ได้สติ

พูดคำไหนแล้วเขาโมโห เก็บกด เจ็บแค้น

คุณจะ รู้สึกได้หมด

 

ยิ่งอ่านปฏิกิริยาคนอื่นออกได้กระจ่างขึ้นเท่าใด

คุณจะยิ่งฉลาดในจังหวะจะโคน

ฉลาดในการพูดเพื่อสิ่งที่ต้องการมากขึ้นเท่านั้น

หรือกระทั่งรู้ชัดเดี๋ยวนั้นเลยว่าคำใด

พูดแล้วทำให้อีกฝ่ายจำกลับไปคิด

รู้ทีเดียวว่ายิ่งคิดถึงคำโดนๆบ่อยเท่าไร

แนวโน้มพฤติกรรมจะยิ่งปรับเปลี่ยนไปเท่านั้น

 

สรุปคือ ตั้งต้นจากการสังเกตใจตัวเอง

แล้วต่อยอดเป็นการสังเกตใจคนอื่น

แต่ถ้าสะกดใจตัวเองไม่ได้

ก็ไม่มีทางสะกดใจคนอื่นอยู่

คนสะกดใจไม่อยู่ จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

แถมอาจได้สิ่งที่ไม่ต้องการตามมาอย่างคาดไม่ถึงด้วย!

 

ดังตฤณ

เมษายน ๕๙