Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๑๗

dungtrin_editor_coverอัตตารถ อัตตาเรา

dungtrin_new2

อารมณ์โกรธตอนขับรถ
เกิดจากผีสิง เปรตดลใจ
หรือเป็นอาถรรพณ์ลี้ลับอย่างไร
ทำไมคนเคยใจเย็น
จึงใจร้อน ด่วนด่า ด่วนชกต่อย
หรือกระทั่งด่วนยิงกันตายกลางถนนได้?

หากคุณเคยพบพานประสบการณ์จำพวก
ทำเรื่องขี้หมาให้กลายเป็นฟืนเป็นไฟ
ประเภทแค่จอดรถข้างฟุตบาทขวางทางหลัก
ประเภทยื่นหัวรถล้ำออกมานอกเขตยูเทิร์นเกินไป
ประเภทมาทีหลังแต่ขอตัดหน้าแซงคิวก่อน
แล้วคุณอยากลดกระจกลงมาด่าสาด
ทั้งที่ตอนอยู่บนดินนอกรถ
เคยโดนคนเอาตัวเข้าขวางทาง
เคยโดนคนเดินแซงหน้า
เคยโดนคนกระทบกระทั่ง
ก็ไม่เห็นจะมีอารมณ์หุนหันพลันแล่นได้ขนาดนั้น
นั่นแหละ แปลว่าคุณรู้จัก ‘อารมณ์คนขับ’
ที่แตกต่างจาก ‘อารมณ์ตัวเอง’ มาบ้างแล้ว

หากเจริญสติ
สติที่เจริญแล้วจะเปิดโปงเรื่องลึกลับ
ให้กลายเป็นเรื่องโจ่งแจ้งไปในทันที
ไม่ใช่ผี ไม่ใช่เปรต ไม่ใช่อาถรรพณ์นอกตัว
แต่เป็นอัตตาธรรมดาๆนี่แหละ ที่เป็นเหตุ

ถ้าไม่เคยสังเกต ลองสังเกต
ผู้หญิง ใส่รองเท้าส้นสูง
อัตตาจะเหมือน ‘สูงขึ้น’
ผู้ชาย ใส่ชุดเต็มยศ
อัตตาจะเหมือน ‘พองขึ้น’
พูดง่ายๆว่าแค่ เสื้อผ้า หน้า ผม บางๆ
ก็ทำให้จิตถูกปรุงแต่งไปว่า
สูงขึ้น พองขึ้น ได้แล้ว
ยิ่งหากใครเคยมีประสบการณ์ใส่ชุดเกราะหนาๆ
ก็จะยิ่งเข้าใจว่ามันทำให้
รู้สึกมีอัตตาที่แข็งแกร่งกว่าปกติไปได้

รถราก็ทำนองเดียวกัน หรือยิ่งกว่านั้นอีก
อัตตาของเราถูกปรุงแต่งไปตามสภาพรถที่เราควบคุม
โดยความเป็นรถ มันใหญ่กว่าตัวเรา
มันพุ่งไปได้เร็วกว่าขาเรา
แล้วมันก็แข็งแกร่งกว่าร่างกายของเรา
เมื่อเราควบคุมมันอยู่
เราจึงรู้สึกถึง ‘อัตตาของรถ’
ที่ใหญ่กว่า แรงกว่า แกร่งกว่า อัตตาของเราอยู่ตลอด

มีข้อพิเศษแยกย่อยไปกว่านั้น
หากเป็นรถที่มองได้จากมุมสูงกว่าชาวบ้าน
สายตาเราจะเห็นรถชาวบ้านเป็นเต่าเตี้ยไปหมด
หากเป็นรถแพง ให้สัมผัสภายในหรูหรา
พอมองออกไป รถชาวบ้านจะกลายเป็นกระป๋องผุไปหมด

ในทางกลับกัน หากรถของเราให้ความรู้สึก ‘กระจอก’
เราอาจเก็บกดและเกิดอุปาทานอยู่ลึกๆว่า
สายตาภายนอกมองมาอย่างเหยียดหยาม
คนทั้งถนนเห็นเราเป็นเบี้ยล่างกันไปหมด

ถ้าอยู่ในภาวะขับขี่ปกติก็เหมือนไม่มีอะไรพิเศษ
เหมือนเราเป็นตัวเดิม คิดอ่านแบบเดิม
แต่พอเกิดเรื่องหรือมีสิ่งผิดปกติขึ้นมา
‘อัตตาของรถ’ จะขับดันโทสะให้แรงขึ้นกว่าอัตตาของเรา

ผู้เจริญสติเพียงระลึกว่า
เมื่อใดตัวอยู่หลังพวงมาลัยรถ
เมื่อใดเท้าเหยียบคันเร่งรถ
เมื่อใดสายตามองออกไปนอกรถ
เมื่อนั้นจิตพร้อมจะถูกรถห่อหุ้มให้เกิดอุปาทาน
ประเภทชอบพุ่งไปข้างหน้า ไม่ชอบหยุด
หรือประเภทข้าใหญ่กว่า อย่ามองข้าด้อยกว่า
ซึ่งอาจแตกต่างไปจากอัตตาเดิมๆมาก

เมื่อเห็นอัตตาของรถชัดขึ้นทุกวัน
พอโทสะพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเมื่อใด
จะได้รู้สึกว่า ‘นั่นไม่ใช่เรา’
ไม่ถือเอาโทสะนั้นเป็นอารมณ์ของเรา
แต่เป็นโทสะของรถ เป็นโทสะของเหล็กไป
ใจจะมีสติกว่าเดิม กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวเล็กๆของเรา
และเป็นตัวของตัวเองเร็วขึ้นได้

ดังตฤณ
มกราคม ๕๗