Print

จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว - ฉบับที่ ๒๑๖

dungtrin_editor_coverนินทาเขา เอาความสกปรกเข้าตัว

dungtrin_new2

เหตุใดหลังจากนินทาบางคนเสร็จแล้วรู้สึกเฉยๆ
แต่นินทาอีกคนเสร็จกลับฟุ้งซ่านจัด?

ข้อเท็จจริงก็คือ
คุณไม่ได้ใช้แค่ความคิดและคำพูดในการนินทา
คุณยังใช้ ‘จิต’ ไปในการนินทาด้วย

นี่เป็นเรื่องที่มีความหมายมาก
และคนส่วนใหญ่ก็ไม่เฉลียวใจสังเกต
จิตที่หวังดี มีความงดงาม
จิตที่คิดนินทาว่าร้าย มีความร้าย
จิตที่ใส่ร้ายป้ายสี มีความสกปรก

จิตของบุคคลที่เป็นเป้าหมาย
ก็มีความใหญ่เล็กไม่เท่ากัน
แล้วก็มีความสะอาดสกปรกแตกต่างกัน
คนสุจริต รักษาศีล ไม่เบียดเบียนใคร
ใจจะกว้างใหญ่และสะอาด
เป็นธรรมชาติที่ปราศจากภัยเวรทางกาย วาจา ใจ
ส่วนคนทุจริต เป็นผู้ทุศีล ชอบเบียดเบียนกัน
ใจจะแคบเล็กและสกปรก
เป็นธรรมชาติที่เต็มไปด้วยภัยเวรทางกาย วาจา ใจ

หากเอาความสกปรกร้ายกาจของใครมาพูดถึง
ด้วยเจตนาป้องกันไม่ให้คนใกล้ตัวเข้าไปพัวพัน
อันนั้นถือเป็นเจตนาดี จึงไม่มีโทษเท่าใด
โดยเฉพาะเมื่อแจ้งให้ทราบพฤติกรรมร้ายเฉพาะที่รู้
พอพูดเสร็จก็รู้สึกเฉยๆ เกือบๆเสมอตัว
ไม่ได้ว้าวุ่นใจไปกว่าเดิม

แต่แม้นินทาว่าร้ายคนเลวจริง จิตสกปรกจริง
ถ้าเจตนาเอามัน ไม่ใช่เพื่อเตือนภัยให้เพื่อนพ้องรู้ทัน
อย่างนั้นเท่ากับเอาความเลวทางจิตของเขา
มาเปื้อนจิตตัวเองเป็นมลทินไปด้วย
จึงหลีกเลี่ยงที่จะฟุ้งซ่าน กระวนกระวายกว่าปกติไม่ได้

ยิ่งหากนินทาว่าร้ายคนที่ไม่มีภัยเวรกับใคร
ไม่มีแม้ใจอยากเบียดเบียนใครตอบ
ก็เหมือนทำพื้นที่สะอาดให้กลายเป็นสกปรก
จิตของผู้นินทาย่อมสกปรกขึ้นเป็นทวีคูณ
รู้สึกฟุ้งซ่านจัด หรือกระทั่งรู้สึกเหม็นเน่า
ราวกับอยู่ดีๆ เอาจิตไปหมักในถังส้วมเสียอย่างนั้น

กรรมทางวาจา
ปรากฏที่จิตเป็นสำคัญในทันที
ไม่ต้องรอชาติหน้ามาพิสูจน์
ยิ่งสะสมวจีทุจริตมากขึ้นเพียงใด
ใจยิ่งฟุ้งซ่านไม่เป็นสุขมากขึ้นเท่านั้น

ดังตฤณ
มกราคม ๕๘