ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๑๔๗
ถาม - ผมศรัทธาในพระพุทธศาสนาและอยากบวชมานานแล้วตั้งแต่คุณย่าเสียแต่ต้องมีปัญหาผัดผ่อนมาเรื่อย นี่ผัดมาสามครั้งแล้วความรู้สึกอยากบวชยิ่งมีมากบางครั้งก็ท้อใจและผิดหวังคิดว่าตัวเราอาจไม่มีบุญพอ ผมสงสัยว่าความต้องการแบบนี้อาจจะเป็นกิเลสเป็นหรือเปล่าครับ?
ถ้าเข้าใจธรรมะ
เข้าใจหลักการปฏิบัติ
และตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียรจนเห็นผล
อย่างน้อยที่สุดใจสละไม่เอาสมบัติไม่เอาญาติมิตร
ไม่ข้องติดอยู่ในกามคุณใดๆ (พร้อมในขั้นของทาน)
ประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีล ๕ ได้สะอาด
ทดลองรักษาศีล ๘ ได้หมดจด (พร้อมในขั้นของศีล)
มีจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหวกับโลกธรรม ๘
เมื่อจับอารมณ์สมาธิอันใดก็ตั้งมั่นอยู่ง่าย (พร้อมในขั้นของสมาธิ)
เอาจิตตั้งมั่นผ่องแผ้วจากกิเลสหยาบๆนั้น
ไปพิจารณากายใจแล้วเกิดความเห็นไตรลักษณ์
จนเห็นว่าเพศฆราวาสเป็นอุปสรรคกับการบำเพ็ญเพียรเต็มที่
อยากเลื่อนระดับจากความเป็นนักภาวนา part-time เป็น full-time
หากเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบวช
ก็จะถือเป็นคุณใหญ่แก่โลก
เพราะเป็นนาบุญเป็นพระจริงตั้งแต่ก่อนบวช
หากไม่พร้อมสมบูรณ์ในระดับต่างๆ ที่กล่าวมา
แต่มั่นใจว่าสามารถทำให้สมบูรณ์ได้เมื่อครองกาสาวพัสตร์
ก็นับว่าใช้ได้เหมือนกันครับ
แต่ถ้าคิดว่าทุกระดับที่กล่าวมายังเกินกำลังอยู่
ก็ชักจะน่าทบทวนเหมือนกันว่าที่อยากบวช
เป็นเพราะเบื่อโลกธรรมดาๆหรือเปล่า
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แม้แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงให้ปฏิเสธกิเลสเสียทั้งหมดหรอกครับ
เช่นที่พระองค์ให้ใช้ตัณหาดับตัณหา
กล่าวคือเมื่อได้ยินว่าผู้นั้นถึงอรหัตตผล
ผู้นี้ถึงโสดาปัตติผลแล้วเกิดความอยากจะได้ดีเช่นนั้นบ้าง
ก็มุ่งบำเพ็ญเพียรเต็มกำลัง
(และถูกทางด้วยกล่าวคือขณะบำเพ็ญต้องไม่อยากอะไรทั้งนั้น
เอาแค่ตอนเริ่มต้นพอ)
จุดเริ่มต้นนั้นแหละที่หมายถึงการบวชมุ่งเอามรรคผล
ความอยากชนิดนี้ถือเป็นกิเลส
แต่เป็นกิเลสที่จะตั้งต้นดับกิเลสทั้งมวล
สำคัญที่ว่าเมื่อบวชแล้วกิเลสทุกชนิด
แม้ปรารถนาว่าเราจะได้มรรคผลเมื่อนั่นเมื่อนี่
ก็ต้องไม่มีด้วย
ที่มา http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001247.htm?2#2
ถ้าเข้าใจธรรมะ
เข้าใจหลักการปฏิบัติ
และตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียรจนเห็นผล
อย่างน้อยที่สุดใจสละไม่เอาสมบัติไม่เอาญาติมิตร
ไม่ข้องติดอยู่ในกามคุณใดๆ (พร้อมในขั้นของทาน)
ประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีล ๕ ได้สะอาด
ทดลองรักษาศีล ๘ ได้หมดจด (พร้อมในขั้นของศีล)
มีจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหวกับโลกธรรม ๘
เมื่อจับอารมณ์สมาธิอันใดก็ตั้งมั่นอยู่ง่าย (พร้อมในขั้นของสมาธิ)
เอาจิตตั้งมั่นผ่องแผ้วจากกิเลสหยาบๆนั้น
ไปพิจารณากายใจแล้วเกิดความเห็นไตรลักษณ์
จนเห็นว่าเพศฆราวาสเป็นอุปสรรคกับการบำเพ็ญเพียรเต็มที่
อยากเลื่อนระดับจากความเป็นนักภาวนา part-time เป็น full-time
หากเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบวช
ก็จะถือเป็นคุณใหญ่แก่โลก
เพราะเป็นนาบุญเป็นพระจริงตั้งแต่ก่อนบวช
หากไม่พร้อมสมบูรณ์ในระดับต่างๆ ที่กล่าวมา
แต่มั่นใจว่าสามารถทำให้สมบูรณ์ได้เมื่อครองกาสาวพัสตร์
ก็นับว่าใช้ได้เหมือนกันครับ
แต่ถ้าคิดว่าทุกระดับที่กล่าวมายังเกินกำลังอยู่
ก็ชักจะน่าทบทวนเหมือนกันว่าที่อยากบวช
เป็นเพราะเบื่อโลกธรรมดาๆหรือเปล่า
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แม้แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงให้ปฏิเสธกิเลสเสียทั้งหมดหรอกครับ
เช่นที่พระองค์ให้ใช้ตัณหาดับตัณหา
กล่าวคือเมื่อได้ยินว่าผู้นั้นถึงอรหัตตผล
ผู้นี้ถึงโสดาปัตติผลแล้วเกิดความอยากจะได้ดีเช่นนั้นบ้าง
ก็มุ่งบำเพ็ญเพียรเต็มกำลัง
(และถูกทางด้วยกล่าวคือขณะบำเพ็ญต้องไม่อยากอะไรทั้งนั้น
เอาแค่ตอนเริ่มต้นพอ)
จุดเริ่มต้นนั้นแหละที่หมายถึงการบวชมุ่งเอามรรคผล
ความอยากชนิดนี้ถือเป็นกิเลส
แต่เป็นกิเลสที่จะตั้งต้นดับกิเลสทั้งมวล
สำคัญที่ว่าเมื่อบวชแล้วกิเลสทุกชนิด
แม้ปรารถนาว่าเราจะได้มรรคผลเมื่อนั่นเมื่อนี่
ก็ต้องไม่มีด้วย
ที่มา http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001247.htm?2#2