Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๑๔๕

dungtrin_coverถาม - เราสามารถทำทานด้วยวิธีใดบ้าง
และผลของทานที่ให้ด้วยวิธีที่ต่างกันนั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างไร
และควรจะหวังผลจากการให้นั้นหรือไม่ครับ


dungtrin_gru2aลองดูทานที่ให้ผลแตกต่าง
เพียงเพราะ "คิดว่า" หรือ "เจตนาที่เกิดขึ้นเป็นอาจิณขณะทำทาน" นะครับ


ทานสูตร
[๔๙] สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา
ใกล้จัมปานครครั้งนั้นแลอุบาสกชาวเมืองจัมปามากด้วยกันเข้าไปหาท่าน
พระสารีบุตรถึงที่อยู่อภิวาทแล้วนั่งณที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้กล่าว
กะท่านพระสารีบุตรว่าข้าแต่ท่านผู้เจริญธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มี
พระภาคพวกกระผมได้ฟังมานานแล้วขอได้โปรดเถิดพวกกระผมพึงได้ฟัง
ธรรมีกถาของพระผู้มีพระภาคท่านพระสารีบุตรกล่าวว่าดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายพึงมาในวันอุโบสถท่านทั้งหลายพึงได้ฟังธรรมีกถาใน
สำนักพระผู้มีพระภาคแน่นอนอุบาสกชาวเมืองจัมปารับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว
ลุกจากที่นั่งอภิวาทกระทำประทักษิณแล้วหลีกไปต่อมาถึงวันอุโบสถอุบาสก
ชาวเมืองจัมปาพากันเข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่อภิวาทแล้วยืนอยู่ณที่ควร
ข้างหนึ่งลำดับนั้นท่านพระสารีบุตรพร้อมด้วยอุบาสกชาวเมืองจัมปาเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับถวายอภิวาทแล้วนั่งณที่ควรข้างหนึ่งครั้น
แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญทานเช่นนั้นนั่นแล
ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้วมีผลมากไม่มีอานิสงส์มากพึงมีหรือหนอแล
และทานเช่นนั้นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้วมีผลมากมีอานิสงส์มาก
พึงมีหรือพระเจ้าข้าพระผู้มีพระภาคตรัสว่าดูกรสารีบุตรทานเช่นนั้นนั่นแล
ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้วมีผลมากไม่มีอานิสงส์มากพึงมีและทาน
เช่นนั้นนั่นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้วมีผลมากมีอานิสงส์มากพึงมีฯ

สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญอะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ทาน
เช่นนั้นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้วมีผลมากไม่มีอานิสงส์มาก
อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ทานเช่นนั้นนั่นแลที่บุคคลบางคนใน
โลกนี้ให้แล้วมีผลมากมีอานิสงส์มากฯ

พ. ดูกรสารีบุตรบุคคลบางคนในโลกนี้ยังมีความหวังให้ทานมีจิต
ผูกพันในผลให้ทานมุ่งการสั่งสมให้ทานให้ทานด้วยคิดว่าเราตายไปจักได้
เสวยผลทานนี้เขาให้ทานคือข้าวน้ำผ้ายานดอกไม้ของหอมเครื่อง
ลูบไล้ที่นอนที่พักประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์ดูกร
สารีบุตรเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้ทาน
เห็นปานนี้หรือฯ

สา. อย่างนั้นพระเจ้าข้าฯ

พ. ดูกรสารีบุตรในการให้ทานนั้นบุคคลมีความหวังให้ทานมีจิต
ผูกพันในผลให้ทานมุ่งการสั่งสมให้ทานให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้วจักได้
เสวยผลทานนี้เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้วเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
แห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราชสิ้นกรรมสิ้นฤทธิ์สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่
แล้วยังมีผู้กลับมาคือมาสู่ความเป็นอย่างนี้ดูกรสารีบุตรส่วนบุคคลบางคน
ในโลกนี้ไม่มีหวังให้ทานไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทานไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน
ไม่คิดว่าตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้แล้วให้ทานแต่ให้ทานด้วยคิดว่า
ทานเป็นการดีเขาให้ทานคือข้าวน้ำผ้ายานดอกไม้ของหอม
เครื่องลูบไล้ที่นอนที่พักประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์
ดูกรสารีบุตรเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้ทาน
เห็นปานนี้หรือฯ

สา. อย่างนั้นพระเจ้าข้าฯ

พ. ดูกรสารีบุตรในการให้ทานนั้นบุคคลไม่มีความหวังให้ทานไม่มี
จิตผูกพันในผลให้ทานไม่มุ่งการสั่งสมให้ทานไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าตายไป
แล้วจักได้เสวยผลทานนี้แต่ให้ทานด้วยคิดว่าทานเป็นการดีเขาผู้นั้นให้ทาน
นั้นแล้วเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์เขาสิ้น
กรรมสิ้นฤทธิ์สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้วยังเป็นผู้กลับมาคือมาสู่
ความเป็นอย่างนี้ฯ

ดูกรสารีบุตรบุคคลบางคนในโลกนี้ฯลฯไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า
ทานเป็นการดีแต่ให้ทานด้วยคิดว่าบิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมาเราก็
ไม่ควรทำให้เสียประเพณีเขาให้ทานคือข้าวฯลฯย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
แห่งเทวดาชั้นยามาเขาสิ้นกรรมสิ้นฤทธิ์สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้ว
ยังเป็นผู้กลับมาคือมาสู่ความเป็นอย่างนี้ฯ

ดูกรสารีบุตรบุคคลบางคนในโลกนี้ฯลฯไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าบิดา
มารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมาเราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณีแต่ให้ทานด้วย
คิดว่าเราหุงหากินสมณะและพราหมณ์เหล่านี้ไม่หุงหากินเราหุงหากินได้
จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้ไม่หุงหาไม่สมควรเขาให้ทานคือข้าว
ฯลฯย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิตเขาสิ้นกรรมสิ้นฤทธิ์สิ้นยศ
หมดความเป็นใหญ่แล้วยังเป็นผู้กลับมาคือมาสู่ความเป็นอย่างนี้ฯ

ดูกรสารีบุตรบุคคลบางคนในโลกนี้ฯลฯไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า
เราหุงหากินได้สมณะและพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้เราหุงหากินได้จะ
ไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้หุงหากินไม่ได้ไม่สมควรแต่ให้ทานด้วย
คิดว่าเราจักเป็นผู้จำแนกแจกทานเหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อนคืออัฏฐกฤาษี
วามกฤาษีวามเทวฤาษีเวสสามิตรฤาษียมทัคคิฤาษีอังคีรสฤาษีภารทวาชฤาษี
วาเสฏฐฤาษีกัสสปฤาษีและภคุฤาษีบูชามหายัญฉะนั้นเขาให้ทานคือ
ข้าวฯลฯย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดีเขาสิ้นกรรมสิ้น
ฤทธิ์สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้วยังเป็นผู้กลับมาคือมาสู่ความเป็นอย่างนี้ฯ

ดูกรสารีบุตรบุคคลบางคนในโลกนี้ฯลฯไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าเรา
จักเป็นผู้จำแนกแจกทานเหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อนคืออัฏฐกฤาษีฯลฯ
และภคุฤาษีแต่ให้ทานด้วยคิดว่าเมื่อเราให้ทานอย่างนี้จิตจะเลื่อมใสเกิด
ความปลื้มใจและโสมนัสเขาให้ทานคือข้าวฯลฯย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
แห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดีเขาสิ้นกรรมสิ้นฤทธิ์สิ้นยศหมดความเป็น
ใหญ่แล้วยังเป็นผู้กลับมาคือมาสู่ความเป็นอย่างนี้ฯ

ดูกรสารีบุตรบุคคลบางคนในโลกนี้ฯลฯไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าเมื่อ
เราให้ทานอย่างนี้จิตจะเลื่อมใสเกิดความปลื้มใจและโสมนัสแต่ให้ทานเป็น
เครื่องปรุงแต่งจิตเขาให้ทานคือข้าวน้ำผ้ายานดอกไม้ของหอม
เครื่องลูบไล้ที่นอนที่พักประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์
ดูกรสารีบุตรเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้
ทานเห็นปานนี้หรือฯ

สา. อย่างนั้นพระเจ้าข้าฯ

พ. ดูกรสารีบุตรในการให้ทานนั้นบุคคลผู้ไม่มีความหวังให้ทาน
ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทานไม่มุ่งการสั่งสมให้ทานไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าเรา
ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าการให้ทานเป็นการดี
ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าบิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมาเราไม่ควรทำให้เสีย
ประเพณีไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าเราหุงหากินได้สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้
หุงหากินไม่ได้จะไม่ให้ทานแก่ผู้ที่หุงหากินไม่ได้ไม่สมควรไม่ได้ให้ทานด้วย
คิดว่าเราจักเป็นผู้จำแนกแจกทานเหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อนคืออัฏฐกฤาษี
วามกฤาษีวามเทวฤาษีเวสสามิตรฤาษียมทัคคิฤาษีอังคีรสฤาษีภารทวาช-
ฤาษีวาเสฏฐฤาษีกัสสปฤาษีและภคุฤาษีผู้บูชามหายัญฉะนั้นและไม่ได้
ให้ทานด้วยคิดว่าเมื่อเราให้ทานนี้จิตจะเลื่อมใสจะเกิดความปลื้มใจและ
โสมนัสแต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิตเขาให้ทานเช่นนั้นแล้วเมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหมเขาสิ้นกรรมสิ้นฤทธิ์สิ้นยศ
หมดความเป็นใหญ่แล้วเป็นผู้ไม่ต้องกลับมาคือไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้
(หมายเหตุ - การทำทานในลักษณะแต่งจิตเช่นนี้มีแต่ผู้เป็นอนาคามีเท่านั้นที่ทำได้)
ดูกรสารีบุตรนี้แลเหตุปัจจัยเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบางคนในโลกนี้
ให้แล้วมีผลมากไม่มีอานิสงส์มากและเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบาง
คนในโลกนี้ให้แล้วมีผลมากมีอานิสงส์มากฯ

--------------------
ขอให้สังเกตว่าแม้แต่พระอัครสาวกบารมีมากๆ
ก็ยังต้องฟังจากพระศาสดาเกี่ยวกับเรื่องผลของทานนะครับ
มีอยู่ในพระสูตรหนึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า
ถ้าพวกเรารู้ผลของทานเหมือนอย่างที่พระองค์รู้
ก็จะไม่ดูดายในการให้ทานก่อนจะกินก่อนจะใช้
จะต้องแจกชาวบ้านหรือสรรพสัตว์ก่อนเสมอ
ผลของทานนั้นใหญ่หลวงมีแรงจูงใจได้ขนาดนั้น

ที่มา http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001531.htm?5#5