Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๑๔๔

dungtrin_coverถาม - เราจะรู้ได้อย่างไรคะว่าเราถึงระดับพระโสดาบันแล้ว

dungtrin_gru2a การละสังโยชน์ทั้งสามข้อ
ไม่ได้เกิดจากความจงใจจะละแต่ละข้อ
หรือสร้างสมความเชื่อมั่นศรัทธานในพระรัตนตรัยหรอกครับ
แต่ธรรมชาติจิตจะล้างเองละได้ขาดเอง
เมื่อเห็นนิพพานเป็นครั้งแรก
ซึ่งนั่นหมายถึงเจริญสติปัฏฐาน๔
จนกระทั่งจิตถอนนิมิตมั่นหมายความเป็นตัวตนในกายนี้ใจนี้
และภาวะอื่นใดทั้งหมด

ส่วนเรื่องที่จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวว่าเป็นพระโสดาฯหรือยัง
คงมีความหมายให้พูดถึงรองลงไป
เอาเป็นว่ามรรคผลมีความหมายสำคัญยิ่ง
คือทำให้เห็นนิพพานซึ่งเป็นธรรมชาติที่แตกต่างไปจากรูปนามอย่างสิ้นเชิง
อันทำให้

๑) รู้แจ้งว่าสภาวะและอสภาวะนั้นเป็นเพียงรูปรอยในมิติหนึ่งมิติแห่งความแตกพัง
ส่วนสิ่งที่ไร้รูปรอยก็ปราศจากความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับตัวตน
เป็นความว่างเป็นความต่างระนาบหมดความทึบหมดข้อพันธะ
หมดความผูกโยงกับเหตุการณ์และลำดับเวลาใดๆ
ปลอดภัยยิ่งไร้ตัวตนยิ่งความเห็นนี้จะเป็นสัญญาติดจิต
กับทั้งทำให้ความยึดมั่นว่ามีตัวตนใดตัวตนหนึ่งพังทลายลง

๒) ในเมื่อเห็นนิพพานแล้วก็หายสงสัยว่านิพพานมีจริงหรือไม่นิพพานเป็นอย่างไร
เหมือนความว่างแบบอากาศไหมเหมือนความว่างแบบ (หมายจำ) ว่าไม่มีอะไรเลยไหม

๓) หนทางที่จะทำนิพพานให้แจ้งมีทางเดียวคือพิจารณารูปนามเป็นไตรลักษณ์
ไม่ใช่ถือศีลกินเพลไม่ใช่ยึดนิมิตใดๆเป็นตัวเป็นตน

สามข้อนี้โยงถึงกันตลอด
เน้นว่าไม่ใช่การพยายามดำเนินการสร้างสมหรือตัดแต่งให้สังโยชน์ขาดด้วยวิธีการใดๆครับ
ใจมันถึงความปล่อยวางรูปนามจริงๆเป็นครั้งแรกเมื่อไหร่
ก็เกิดปรากฏการณ์ทำให้ขาดจากสังโยชน์สามข้อนี้ไปเอง

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/000828.htm?8#8