Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๙๔

ถาม - ผมปฏิบัติโดยใช้การภาวนาพุทโธ แล้วถ้าภาวนาจนพุทโธดับไป หรือลมหายใจหายไป หรือเห็นกายแยกออกจากนามธรรม แล้วควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ

dungtrin_gru2

เมื่อตัวรู้เห็นตัวเองเป็นต่างหากจากกาย
จะขึ้นอยู่กับพื้นหลัง
คือความเป็นสัมมาทิฏฐิ
ความกำหนดใจไว้ล่วงหน้าของเรา

ในมหาสติปัฏฐานสูตร
ท่านให้เห็นกายสักแต่เป็นธาตุ
เช่นกระดูกเป็นความแข็งเหมือนสิ่งของภายนอก
เหมือนความแข็งในตัวคนอื่น
ไออุ่นสักแต่เป็นความร้อนเหมือนความร้อนจากต้นแหล่งอื่น
เหมือนไออุ่นในตัวคนอื่น

ในมหาสติปัฏฐานสูตร
ท่านให้เห็นกายสักแต่เป็นที่ตั้งของอายตนะ
ด้วยตานี้ ด้วยหูนี้
ได้เห็น ได้ฟังคนอื่น สิ่งอื่นภายนอก
เกิดสัญญามั่นหมายขึ้นมาว่าเป็นเราเขา
เพราะรูปลักษณ์อันผิดแผกแตกต่าง

ความแตกต่างนั้นปรุงขึ้นจากกรรม
กรรมคือ มโนสังขาร วจีสังขาร กายสังขาร
หรือกล่าวอย่างง่ายคือคิด พูด ทำ
เรามีความปรุงแต่งคิดอ่านผิดแผกกัน
แต่โดยพื้นยืนแล้ว ความคิดอ่านปรุงแต่งมีเนื้อหาอันเดียวกัน
ประกอบขึ้นด้วยสัญญา กำหนดโลก กำหนดบุคคลเหมือนๆกัน

ถ้าเห็นเนื้อหาความไม่แตกต่างอย่างนี้
โดยธาตุโดยธรรมอย่างนี้
ก็จะเกิดอนัตตสัญญา

แต่อนัตตสัญญาแบบนี้อาจอยู่ไม่นาน
เราต้องมีสิ่งกำหนดหมาย ยึดเหนี่ยว
ให้เกิดอนัตตสัญญาชัดเจนกว่านี้
เช่นมองที่ความรู้สึกนึกคิดในใจตลอดเวลา
เห็นสักแต่เป็นความกระเพื่อมเสียศูนย์
ความกระเพื่อมนั้นขยายวงออกเป็นความคิดนึก
ความปรุงแต่งไป
ด้วยจิตรวม เห็นตัวเองเสียศูนย์
ก็รู้ว่าสักแต่เป็นกิริยาจิต
ความคิดไม่ใช่ตัวตนเลย
เมื่อกระเพื่อมแล้วก็จางตัวลง เข้าไปเป็นสมบัติความว่าง
ระลอกแล้วระลอกเล่า
เห็นออกมาจากจิต รวมวางเป็นอุเบกขาอยู่อย่างนั้น
กระทั่งทราบชัดว่าทุกสิ่งที่ห่อหุ้มจิตเป็นอนิจจัง
เมื่อเป็นอนิจจัง ทนไม่ได้ ก็เหมือนพยับแดดลวงตา
ลวงอยู่นานบ้าง สั้นบ้าง ที่สุดก็สลายไป
ที่ตรงนั้น อนัตตสัญญาจะปรากฏแจ่มชัดยิ่งกว่าชัด
และจิตจะไม่หลงเหลือความยึดถือใดๆ
ไม่มีที่ว่างให้อุปาทานในตัวตนอีก
รักษาประคองอาการจิตเช่นนั้นไว้เนืองๆ
ที่สุดก็พบธรรมชาติที่ไม่เคยพบมาก่อนไปเอง

?