Print

ดังตฤณวิสัชชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๕๒

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๕๒

มีนาคม ๒๕๖๗

 

 

มักพูดแล้วหลงประเด็น จะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไร

 

ถาม – ผมทำงานที่ต้องใช้ความคิดมาก แล้วเวลาต้องพูดก็มักจะหลงประเด็นบ่อยๆ
มีอาการสมองตื้อ คิดไม่ออกไปเฉยๆ เลยครับ แบบนี้จะแก้ไขได้อย่างไร

 

ตอบ - ในการที่จะเอาเรื่องของการเจริญสติมาช่วยตรงนี้
ผมให้คุณตั้งข้อสังเกตตัวเองง่ายๆ เลยว่า ณ จุดที่คุณรู้สึกว่าติดขัด
หรือว่ามันมีเบรนบล็อก (
brain block) อยู่ อะไรก็แล้วแต่เนี่ย
มันมีสภาพที่คิดไม่ออกหรือว่ามันมีสภาพที่ทื่อๆ ไป
หรือว่ามีสภาพที่เหมือนกับถูกหยุดอยู่ด้วยอะไรบางอย่าง
อย่าไปพยายามฝืนมัน
แล้วก็อย่าไปพยายามที่จะคิดว่าจะเอาอย่างไรกับมันดี
แต่สังเกตตรงนั้นให้ออกก่อนว่าอาการหยุด อาการทื่อ
อาการนิ่งแบบไม่สามารถไปตรงไหนได้เนี่ย
มันมีภาวะหนึ่งให้รับรู้ได้

มันคล้ายๆ กับอาการฟรีซ (freeze) ของคอมพิวเตอร์
มันยังเหมือนกับหน้าจอยังฉายอะไรอยู่
เหมือนกับคุณยังรู้สึกได้ว่าตัวเรากำลังทำอะไรอยู่
แต่ว่ามันไม่ทำงาน มันเหมือนกับแฮ้ง (
hang) ไป เครื่องแฮ้งไป
อาการแฮ้งตรงนั้นเนี่ย ถ้าเรารู้เข้าไปบ่อยๆ ว่าตรงนี้เริ่มหยุดแล้ว
เริ่มมีอาการเหมือนกับไม่วิ่งแล้ว ไม่รัน (
run) แล้ว
พอดูไป พอดูไปแล้วเนี่ยมันเหมือนกับจะไม่เกิดอะไรขึ้น

แต่พอรู้บ่อยๆ พอเริ่มมีอาการหยุดเนี่ย
มันจะมีอาการคลายตัวเร็วขึ้นจากอาการบล็อก (
block) ตรงนั้น

เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม
คือไม่ได้พยายามให้แก้ไขแบบเป็นขั้นเป็นตอน
หรือว่ามีเทคนิคอะไรขึ้นมาเป็นพิเศษ
เพราะว่าเทคนิคมันมีสารพัดแบบ
อย่างเช่นพูดให้เร็วขึ้น อันนี้ทดลองดูก็ได้นะ
แต่ผมอยากจะเอาตรงนี้ก่อนว่าคุณเห็นอาการบล็อกบ่อยเข้า
ช่วงของอาการบล็อกตรงนั้นมันจะสั้นลง
มันจะแคบลง มันจะหายไปเร็วขึ้น

แต่ถ้าคุณยิ่งไปคิดหรือว่ากังวลใจกับอาการบล็อกตรงนั้น
แล้วก็ "เราเริ่มแก่ตัวหรือยัง" "นี่คล้ายๆ จะเป็นอัลไซเมอร์หรือเปล่า"
ยิ่งคุณไปกังวลมากเท่าไหร่นะ ความกังวลตรงนั้นจะยิ่งไปเกาะ
แล้วก็ไปรักษาอาการบล็อกตรงนั้นให้มันนานขึ้น

 

แต่ถ้าคุณไม่สนใจมัน ไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นเฉยๆ
แล้วก็ เออ มันบล็อก มันมีอาการเหมือนคล้ายๆ หยุด
แล้วก็สมองไม่ทำงาน หน้าตามันเป็นแบบนี้
พอเห็นไปเรื่อยๆ เนี่ย อาการตรงนั้นมันจะแคบลง
มันยังเกิดขึ้นแต่มันจะแคบลง อันนี้เป็นวิธีของการเจริญสติ

 

แต่วิธีที่มันจะใช้ได้ผลอีกตัวหนึ่งก็คือให้พูดเร็วขึ้น
ในช่วงที่คุณรู้ตัวว่าเรื่องนั้นมันอาจจะหลงประเด็นได้ง่ายๆ
ลองพูดให้มันเร็ว คือไปฝึก ฝึกที่จะพูดเร็วแล้วชัดถ้อยชัดคำ
พูดให้ถูกต้อง พูดให้มันจบประโยค

คนที่พูดไปพูดมาแล้วหลงประเด็น บางทีที่มีอาการเบรนบล็อกขึ้นมา
มันเป็นเพราะว่าระบบความคิดในการถ่ายทอดคำพูดเนี่ยมันสะดุด
เหมือนกับพูดไปพูดมาแล้วคำพูดเนี่ยมันไปบล็อก ไปบล็อกคำต่อไป
คือมันพูดช้าเกินไป หรือว่าพูดไม่ชัด
หรือว่าพูดแล้วมันพูดไม่จบอย่างที่ต้องการ
คำพูดที่มันมีความบกพร่องตรงนั้น มันจะไปบล็อกคำพูดต่อไป

 

ทีนี้พอเราสั่งสมอาการบล็อกตรงนี้ไปมากๆ
จะรู้สึกเหมือนกับว่าพูดไปแล้วทุกครั้งต้องมีจุดหยุด ทุกครั้งต้องมีจุดติดขัด
ลองซ้อมใหม่ พูดเร็วขึ้น สปีด (
speed) เร็วขึ้นนิดหนึ่ง
แล้วพูดให้จบ ตั้งใจพูดให้จบประโยค พูดสั้นๆ อย่าพูดยาว
ไปหัดพูดในแบบที่ว่าเราเรียบเรียงความคิดไว้ในหัว
แล้วจำได้ว่าเราจะเอาบล๊อกแค่นี้ สั้นๆ แค่นี้ ไม่เอายาวไปกว่านั้น
พูดจบแล้วอย่ารีบพูดต่อ คือให้มันมีจังหวะหยุดของเราเอง
คืออันนี้พูดง่ายๆ ว่าเราหยุดอย่างมีคอนโทรล (
control) ของตัวเองแล้ว
ที่คุณว่ามาเนี่ยคือหยุดโดยที่เราไม่มีส่วนเข้าไปคอนโทรลด้วย
นึกออกใช่ไหม คืออยู่ๆ มันหยุดของมันเอง
แต่อันนี้เรามีจังหวะหยุดของเราเอง
ตรงนี้แหละเป็นจังหวะของการตั้งหลัก ตั้งสติที่จะพูดประโยคต่อไป

 

ถ้าเปรียบเทียบในสติปัฏฐาน
มันก็คือตรงที่พระพุทธเจ้าสอนในสัมปชัญญบรรพ
ท่านสอนว่าเมื่อพูดอยู่ให้รู้ว่าพูดอยู่ เมื่อหยุดพูดรู้ว่าหยุดพูด
ตรงนี้ถ้าใครเข้าใจได้นะ จะเป็นคนที่พูดได้โดยไม่หลวงประเด็น
แล้วก็พูดได้อย่างมีสติ มีความชัดเจน