Print

ดังตฤณวิสัชชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๒๗

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๒๗

เมษายน ๒๔๖๖

 

 

ทำอย่างไรจึงจะเห็นกายใจโดยความเป็นขันธ์ ๕ ได้

ถาม – ดิฉันปฏิบัติธรรมมานานพอสมควร จนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
จิตเห็นสังขารขันธ์เป็นครั้งแรก ดิฉันเกิดปีติจนร้องไห้ออกมา
แต่หลังจากนั้นไม่นานจิตก็กลับเข้าไปยึดใหม่
ทำอย่างไรจึงจะสามารถเห็นขันธ์ ๕ แยกจากกันได้คะ

ตอบ - อันนี้ต้องทำความเข้าใจ ต้องทำไว้ในใจนะครับ ว่าจิตมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
มันเพิ่มคุณภาพขึ้นได้ มันเสื่อมจากคุณภาพลงได้ มันสว่างขึ้นได้ มันมืดลงได้
แล้วเมื่อไหร่ที่มันมีคุณภาพมาก มันก็สามารถเห็นขันธ์ ๕ แยกจากกันได้
เห็นกายใจโดยความเป็นขันธ์ที่แยกจากกันได้ เป็นเลเยอร์ (
layer) ชัดๆ นะครับ
แล้วก็มันจะเกิดความรู้สึกว่านี่เห็นแล้วชัดเจน
แต่อย่าไปหลงว่าได้เห็นครั้งหนึ่ง มันจะต้องได้เห็นตลอดไป
มีแต่เส้นตรงเป็นลิเนียร์ (
linear) ขึ้นไปนะ
ว่าพอเห็นได้อย่างนี้แล้ว มันจะต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่นะครับ มันย้อนกลับมาหาความยึดมั่นถือมั่นแบบเดิมๆ ได้อีก

สิ่งที่เราจะทำ ไม่ใช่เรื่องการคาดคั้นให้ตัวเองเห็นกายใจโดยความเป็นขันธ์
แต่เราต้องนับหนึ่งใหม่ทุกวันด้วยอานาปานสติ ด้วยการรักษาศีล
ด้วยการทำจิตให้มีความพร้อมจะเกิดคุณภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แล้วก็พอจิตเกิดคุณภาพ เกิดสมาธิ เกิดความสว่าง เกิดความตั้งมั่นแล้ว
รู้อะไรเข้าไป มันก็เห็นเหมือนเดิมนั่นแหละ

ถ้าเคยเห็นกายใจโดยความเป็นขันธ์ ๕ ได้
ในที่สุดเดี๋ยวมันก็ต้องเห็นอีก พอเกิดสมาธิมันก็เห็นอีก
พอมันเข้าทางถูกแล้ว มันกลับเข้าไปได้เสมอ
ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องร้อนใจ แล้วก็ไม่ต้องมาปริวิตก
ว่าเราเคยได้ ตอนนี้ไม่ได้แล้วเนี่ย ต้องทำอย่างไร
มันไม่ใช่มาเริ่มต้นด้วยความวิตกแบบนั้น
แต่เริ่มต้นด้วยความเข้าใจว่าถ้านับหนึ่งใหม่ทุกวัน
โอกาสที่จะเข้าทางเดิม แล้วก็ไปถึงจุดที่เคยถึงแล้ว มันก็มีทุกวันเหมือนกัน

บางวันเนี่ยเช้าขึ้นมา หัวยุ่งๆ มันเห็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งใจไม่ได้
เห็นกายใจโดยความเป็นขันธ์ ๕ ไม่ได้
แต่ตกเที่ยง เริ่มมีสติสตัง เริ่มมีโฟกัส (
focus) กับงานกับหน้าที่อะไรไป
แล้วจิตกลับเข้าที่เข้าทาง มันก็หายใจแล้วเกิดความรู้สึกว่านี่เป็นรูปขันธ์ได้
หรือว่ามีความฟุ้งซ่านขึ้นมา สามารถเห็นเป็นสังขารขันธ์ได้
อย่างนี้มันก็จะเกิดความเข้าใจมากขึ้นๆ ทุกวัน
ว่าขึ้นอยู่กับคุณภาพของจิต

ตอนไหนมีสมาธิ ตอนนั้นพร้อมที่จะแยกขันธ์
ตอนไหนไม่มีสติ ตอนไหนไม่มีสมาธิ
ตอนนั้นเนี่ยขันธ์ก็หายไป กลายเป็นกายใจทึบๆ
เป็นตัวตนทึบๆ เป็นอัตตาเดิมๆ ไม่แตกต่างกันกับเมื่อก่อน

 

เห็นอย่างนี้ เห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง แม้แต่ตัวสติก็ไม่เที่ยง
มันก็จะได้ไม่ยึด แล้วก็ไม่หลงสำคัญผิด
ว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า เราทำอย่างไรต่อให้มันกลับเข้าร่องเข้ารอย
คนที่เริ่มเห็นกายใจเป็นขันธ์ ๕ ได้ใหม่ๆ
จะเป็นพวกบางทีนะเหมือนแพนิกน่ะ (
panic) คือเกิดความว้าวุ่นใจ
ว่าเคยเห็นแล้วก็ต้องเห็นไปเรื่อยๆ ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่นะ มันมีขึ้นมีลงนะครับ