Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๒๕

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๒๕

มีนาคม ๒๔๖๖

 

 

จะช่วยสัตว์เลี้ยงที่ตายให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีได้อย่างไร


ถาม – ถ้าสัตว์เลี้ยงของเราตาย เราจะช่วยให้จิตสุดท้ายของสัตว์นั้นหลุดพ้นได้อย่างไรคะ

ตอบ - พระพุทธเจ้าตรัสนะว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ไม่ใช่เป็นไปตามคำอธิษฐานของคนอื่น
พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่าถ้าโยนก้อนหินลงในบ่อน้ำ
แล้วเอาคนทั้งหมู่บ้านมาล้อมรอบบ่อน้ำนั้น
แล้วช่วยกันสวดนะว่าขอให้ก้อนหินจงลอยขึ้นมาๆ
พระพุทธเจ้าถามว่ามันจะลอยขึ้นมาได้ไหม
อาศัยปุถุชนธรรมดาทั่วไปไม่มีอภิญญา คนก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะลอยขึ้นมาได้
เหมือนกันเราจะไปช่วยให้สัตว์ขึ้นสวรรค์หรือว่าไปดีไปสบายอะไรต่างๆ
เพียงด้วยความอยากของเรา มันเป็นไปไม่ได้
มันขึ้นอยู่กับกรรมของมัน
หรือขึ้นอยู่กับการเลี้ยงของเราตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่

 

ถ้าหากเราเลี้ยงมาโดยอย่างเช่นเอาหมาแมวไปดูเราใส่บาตร
แล้วก็พูดดีๆ กับมัน “อันนี้บุญนะ อันนี้คือกุศลนะจ๊ะ
ความสุขความเบาความสบายเป็นผลของบุญนะ”
พูดแบบให้ซ้ำๆ แล้วกระแสใจของเรามีความโปร่งเบาจริงๆ
ทำให้มันซึมซับรับรู้
ว่ากระแสจิตที่มีความเป็นกุศล มีความสว่าง หน้าตาเป็นอย่างไร
ในที่สุดมันก็ซึมซับความสว่างนั้น
แล้วก่อนตายมันก็อาจได้ความสว่างตรงนั้นเป็นเครื่องส่ง



แต่ถ้ามันตายไปแล้ว แล้วเราจะมาบอกว่าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลอะไรไป
อันนี้เป็นความเข้าใจผิดๆ แบบคนไทยนะว่าส่งไปทีหลังแล้วมันจะได้
ส่งไปทีหลังแล้วเดี๋ยวมันจะไปสบายอะไรแบบนี้
มันไม่มีนะ มันไม่ใช่แบบนั้น
การส่งคนตายก็ดี ส่งสัตว์ตายก็ดี ด้วยความคิดอยากจะให้มันไปนั่นไปนี่
เพียงเพราะว่าทำสังฆทานกี่ถังให้มัน
ทำบุญใส่บาตรเพื่อให้มันได้รับผลอะไรแบบนี้
มันเป็นความเข้าใจผิดสืบๆ กันมา
มันทำอะไรไม่ได้นะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
กรรมเป็นที่พึ่งและจะตามไปดูแลสัตว์ที่ตายแล้ว
โดยที่เราตามไปดูแลด้วยไม่ได้
เราจะเป็นคนที่รักมันแค่ไหน เราจะปรารถนาดีกับมันอย่างไร
ถ้ามันตายแล้ว มันไม่มีสิทธิ์จะได้อะไรจากเราอีกนะครับ


แต่ตอนที่มันยังมีชีวิตนั่นแหละ
ถ้าหากเราเข้าใจหลักการว่าทำอย่างไรให้จิตมีความสว่าง
ทำอย่างไรให้จิตเป็นกุศลมากขึ้นๆ มากขึ้น
โดยอาศัยจิตของเรากุศลจิตของเราเป็นตัวจุดชนวนกุศลขึ้นในจิตของมัน
อย่างนี้แหละที่ถึงจะเป็นไปได้