Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๑๕

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๑๕

ตุลาคม ๒๕๖๕

 

ปฏิบัติธรรมมานานแต่ไม่มีความก้าวหน้า ควรทำอย่างไร

 

ถาม – ดิฉันปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
แต่ทำไมเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้าเลย แม้แต่จับลมหายใจก็ยังทำไม่ได้
ทำอย่างไรถึงจะก้าวหน้าได้มากกว่านี้คะ

 

ตอบ คำตอบนะครับ แต่ละคนมีโครงสร้างทางความรู้สึกนึกคิดแตกต่างกัน
อย่างเวลาได้พูดคุยในคลับเฮาส์ (
Clubhouse)
ผมถึงได้อยากมีทิศทางตรงนี้แหละ
ที่ว่าถามก่อนว่ามาคลิก (
click) กับธรรมะได้อย่างไร
มีจุดไหนที่พาเรามาสู่ธรรมะ แล้วก็กำลังปฏิบัติอย่างไรอยู่
อย่างของคุณกำลังพยายามที่จะมาดูลมหายใจ
แล้วก็รู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จ
ตรงนี้เราสามารถที่จะคุยกันให้รู้เรื่องได้
ว่าก่อนที่จะมาได้แนวทางการปฏิบัติเป็นดูลมหายใจ
เราคลิกกับอะไรมาก่อน แล้วรูปแบบชีวิตของเรา
คือถ้าทุกคนนะได้สำรวจตัวเอง
จะพบว่า ณ ขณะหนึ่งๆ ช่วงหนึ่งๆ มันมีโครงสร้างของจิตใจ
มีโครงสร้างของความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน
แล้วเหมาะกับการที่เราจะมาเริ่มปฏิบัติแบบไหน
ไม่ใช่ว่ามีรูปแบบตายตัวที่จะเหมาะกับทุกคน


อย่างของคุณ ถ้าหากว่าได้พยายามที่จะดูลมหายใจแล้ว
ซึ่งเราไม่รู้นะว่าดูมาแบบไหนนะ
แต่ขอเอาตรงนี้ว่าจิตของเรายังอยู่ในภาวะ อยู่ในโครงสร้าง
แบบที่อาจจะยังไม่เหมาะกับการเห็นลมหายใจ
ก็อาจจะเอาแบบคำถามก่อน ว่าก่อนที่จะมาถึงการดูลมหายใจ
เราทำให้จิตเป็นสมาธิอ่อนๆ ขึ้นมาเป็นพื้นฐานดีไหม
เปลี่ยนจากความคิดแบบฟุ้งซ่าน
เปลี่ยนจากโครงสร้างความคิดในแบบที่ไม่พร้อมจะดูลมหายใจ
เป็นโครงสร้างของความคิด ความรู้สึก
และก็ภาวะจิตใจ ที่มันพร้อมมากขึ้น


อย่างเช่นสวดมนต์โดยไม่หวังอะไรเลย ไม่หวังแม้กระทั่งสมาธิ
แต่หวังที่จะถวายแก้วเสียง เป็นพุทธบูชา
สวดเต็มปากเต็มคำไปสัก ๓ รอบ ๗ รอบ
เพื่อที่จะลองเปรียบเทียบดูว่าภาวะของจิต ภาวะทางความนึกคิด
มันแตกต่างไปในทางที่พร้อมจะรู้ลมหายใจมากขึ้นไหม

พอสวดมนต์ไป ๓ จบ แล้วเรามานึกถึงลมหายใจ

ถ้ามาดูลมหายใจตอนที่สวดมนต์จบไป ๓ รอบแล้ว
ลมหายใจปรากฏให้เห็นง่ายขึ้นไหม
ถ้าหากว่าลมหายใจปรากฏให้เห็นง่ายขึ้น
นั่นแปลว่าโครงสร้างเดิมที่เป็นของจิตใจคุณ
มันมีความฟุ้งยุ่งเกินกว่าจะรู้ลมหายใจ

แต่พอสวดเสร็จ ๓ จบ หรือ ๗ จบได้
มารู้ลมหายใจอีกที รู้สึกว่าง่ายขึ้น
รู้สึกว่าเห็นลมหายใจ แบบตรงไปตรงมาได้ดีขึ้น
เหมือนกับไม่ต้องสู้ผ่านม่านหมอกหรือว่าพายุฝน
แต่เหมือนกับอยู่ในที่โล่ง ที่สามารถเห็นสายลม แสงแดด
หรือว่าเมฆหมอกอะไรได้ชัดเจน เมฆหมอกที่ลอยผ่านมาแล้วผ่านไป
ไม่ใช่เมฆหมอกแบบที่มันหนาทึบ จนกระทั่งมองอะไรไม่เห็น

ตัวนี้เป็นเรื่องภายในที่เราจะต้องสังเกต
ถ้าหากว่าเรามีอุบายในการทำให้จิตมันมีความพร้อมขึ้น
อย่างเช่นสวดมนต์ไป แล้วเราพบว่าตัวเองสามารถที่รู้ลมได้ง่ายขึ้น
นั่นเป็นหลักฐานว่าการสวดมนต์ของเราเป็นการสวดมนต์ที่ถูกต้อง

แล้วก็ทำจิตให้มีความโล่ง มีความพร้อม มีความสบาย
พร้อมที่จะเห็นลมหายใจได้มากขึ้น
ตรงนี้แหละที่จะทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้น
แล้วก็รู้สึกว่ามีความก้าวหน้าเพิ่มเติมขึ้นกว่าเดิมนะครับ