Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๑๔

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๑๔

ตุลาคม ๒๕๖๕

 

จะทราบได้อย่างไรว่าปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้อง


ถาม – ดิฉันปฏิบัติในรูปแบบโดยการทำความสงบและสวดมนต์
เพื่อลดความฟุ้งซ่านก่อนดูจิต
แต่ในการเจริญสติระหว่างวัน จะใช้วิหารธรรมคือบริกรรมและสัมปชัญญะ
เพราะถ้าเคลื่อนไหวก็จะดูลมหายใจละเอียดไม่ออก
การปฏิบัติของดิฉันถือว่าถูกต้องไหมคะ

 

ตอบ - ถ้าจะถามว่าถูกหรือผิด
เราต้องมีทิศทางที่ชัดเจน เราต้องมีเป้าหมาย
เราต้องมีกรอบ กติกา หรือสเปกอะไรสักอย่างหนึ่ง
ที่จะมาตัดสินนะครับว่าถูกหรือผิด
ถ้าปฏิบัติถูก กายจะเบา ใจจะเบา
อย่างที่พระพุทธเจ้า สำนวนพระพุทธเจ้า
คือจิตสงบระงับ ไม่กวัดแกว่ง กายสงบระงับ ไม่กวัดแกว่ง
แล้วก็มีความสามารถที่จะเข้ามาทำความรู้สึก
ว่ากายนี้ใจนี้มันกำลังแสดงความไม่เที่ยง
ไม่ใช่ตัวเดิม ไม่ใช่ของเดิม ไม่ใช่ตัวใคร


ตัวนี้ถ้าหากว่ามีไว้ในใจเรานะ
ว่าเราจะเอาเป้าหมายนี้ เราจะไปให้ถึงจุดนี้
มันตอบคำถามได้ครอบจักรวาลเลย
ว่าที่เราทำมา มันเป็นความคืบหน้า หรือย่ำอยู่กับที่ หรือว่าถอยหลัง
ถ้าคุณทำความสงบ สวดมนต์ เพื่อลดความฟุ้งซ่าน ดูจิต
หรือว่าระหว่างวันจะใช้คำบริกรรม จะดูความเคลื่อนไหว อะไรก็แล้วแต่
ถามตัวเองว่ากายมันเบา จิตมันเบามากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า มีความรู้เนื้อรู้ตัว
คือรู้เนื้อรู้ตัวอย่างเดียวไม่พอนะครับ

เพราะว่าสติแบบพุทธ ที่เรียกว่าสติที่เจริญแล้ว สติแบบที่เป็นสติปัฏฐาน
เป็นสติที่จะเข้ามารู้ว่าภาวะทางกาย ภาวะทางใจ ที่กำลังปรากฏอยู่เดี๋ยวนี้
มันเป็นภาวะที่จะต้องเปลี่ยนไป มันเป็นภาวะที่จะต้องต่างไป
มันเป็นภาวะที่จะไม่เหมือนเดิม

 

ถ้าหากว่าวันเดือนปีผ่านไป เราทำอย่างไรไปก็แล้วแต่
แล้วกายใจไม่ปรากฏโดยความเป็นของต่าง
ไม่ปรากฏโดยความเป็นของไร้บุคคล
นั่นแสดงว่าทิศทางในการปฏิบัติมาของเรา
มันอาจจะยังมาไม่ถึง ยังมาไม่ถึงจุด
แต่ถ้าหากว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ทำอะไรไปก็แล้วแต่
ผลลัพธ์คืออยู่ๆ ในระหว่างวัน
ไม่ต้องนั่งหลับตา ไม่ต้องนั่งสมาธิ
เกิดความรู้สึกขึ้นมาเองว่าที่นั่งอยู่เนี่ย
มันไม่ใช่เรา มันเป็นกายที่กำลังนั่ง มีแต่กายนั่ง
ไม่มีคน ไม่มีบุคคล ไม่มีใคร ไม่มีเขา ไม่มีเรา เป็นผู้นั่ง
มีแต่ลมหายใจเข้า มีแต่ลมหายใจออก
ไม่มีผู้หายใจ ไม่มีผู้เป็นเจ้าของลมหายใจ
มีแต่ความคิดผ่านเข้ามาในหัว แล้วก็ผ่านไป
ไม่มีใครเป็นคนคิด ไม่มีความคิดอยู่ในใคร



ถ้าอยู่ๆ มันเกิดขึ้นมาแบบนี้นะ
อาจจะแค่วูบๆ วาบๆ ไม่ต้องตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง
คือนานๆ มันเกิดขึ้นมาที
นี่เป็นสัญญาณบอก เป็นหลักฐาน
เป็นเครื่องแสดงว่าสิ่งที่เราทำๆ มาอยู่นี่ มาถูกทาง

แต่ถ้าหากว่าร้อยวันพันปีผ่านไป
ไม่เกิดอะไรที่จะเป็นสัญญาณบอก
ว่าเราเห็นกายนี้ใจนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยงสักที
โดยความเป็นของไม่ใช่บุคคลสักที
เราต้องตั้งคำถามแล้วว่าสิ่งที่เราทำมานั้น
ถูกทางที่พระพุทธเจ้าให้ทำหรือเปล่านะครับ