Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๑๓

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๑๓

กันยายน ๒๕๖๕

 

ทำอย่างไรจึงจะข้ามผ่านเวทนาทางจิตได้

ถาม – ดิฉันปฏิบัติธรรมมานานพอสมควร
จนรู้สึกว่าตอนนี้สามารถข้ามผ่านเวทนาทางกายได้แล้ว
แต่ยังไม่ผ่านเวทนาทางจิต แบบนี้ควรแก้ไขอย่างไรคะ

ตอบ เวลาที่เราจะตัดสินว่าเราผ่านอะไรได้แล้ว
คืออย่าไปมองนะว่าเนี่ยเราเห็นแล้ว แล้วเราก็ละได้แล้ว
แค่นั้นมันยังไม่ถือว่าผ่านนะ
ขอให้มองอย่างนี้ก็แล้วกันว่าเวทนาทางกาย ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้น
อย่างเช่น ร้อน หนาว เรารู้สึกเฉยๆ ไม่เกิดความยินดียินร้ายอะไรขึ้นมา
ตรงนั้นให้ถือว่าเป็นสติ รู้เวทนาทางกาย ร้อนหรือหนาว
แล้วเกิดความเป็นอุเบกขาขึ้นมา
แต่ยังไม่ใช่ไปตัดสินนะว่าเราผ่านได้แล้ว
ต่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แล้วเราเห็นว่าเวทนาทางกาย
สักแต่เป็นอะไรที่เรารู้สึกเฉยๆ กับมันได้
แค่นี่ยังไม่ถือว่าผ่านนะ

คำว่าผ่านจริงๆ ที่ใช้กันในทางการเจริญสติ
หมายถึงรู้สึกแบบชัดๆ ต่อเนื่องเลย
ว่าเวทนาทางกายมันไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน
ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ตัวเขา ไม่ใช่ตัวใครเลยด้วย
สักแต่เป็นการกระทบระหว่างสิ่งที่มากระทำกับกาย
แล้วเกิดภาวะที่มันเป็นสุข เป็นทุกข์ เจ็บปวด
หรือว่าสบายชั่วคราวชั่วขณะ แล้วเราก็ไม่ได้ไปยึดมันต่อ
เนี่ยตัวนี้ที่เราเจริญสติมาเพื่อให้เห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะ

ทีนี้ที่มันจะตัดเวทนาทางกายได้จริงๆ
บอกว่าเวทนาทางกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา
มันต้องไปถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่ากายนี้ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนก่อน
แล้วเวทนาทางกายที่มันเกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนตามกายด้วย
อย่างนี้ ถึงจะรู้สึกว่าเวทนาทางกายเนี่ย เราผ่านได้จริงๆ นะ
ซึ่งผ่านได้เนี่ย โดยความหมายก็คือบรรลุมรรคผล
คือทิ้งความรู้สึกเป็นตัวเป็นตนในเวทนาที่เกิดขึ้นทางกายได้

เหมือนกันเวทนาทางจิต
ไม่ว่าจะเป็นเวทนาที่เกิดจากการที่จิตแผ่ออกไปสบาย เป็นสุข กว้างขวาง
หรือว่าเป็นเวทนาอันเกิดจากจิตที่คับแคบ ฟุ้งซ่านก็ตาม
เราก็ดูเหมือนกับเวทนาทางกายนั่นแหละ
คือเห็นว่าตอนที่ใจมันแผ่สบาย อย่างนี้เป็นสุข
ตอนที่ใจมันยู่ยี่เหมือนกับมีเมฆหมอกทางราคะ โทสะ โมหะ ยุ่งเหยิงไปหมด
มันก็เป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นชั่วขณะที่จิตอยู่ในสภาพแบบนั้น

นี่คือการดูเวทนาที่ถูกต้อง ดูสักแต่ว่าเวทนามันเกิดจากเหตุ
คือสภาพทางกายแบบไหนและสภาพทางจิตแบบไหน

อย่าเพิ่งไปตัดสินให้ตัวเองนะครับ
ว่าเราผ่านเวทนาทางกายแล้ว เรากำลังจะมาผ่านเวทนาทางจิตต่อ
จริงๆ แล้วผมเข้าใจนะ
ถ้าให้เดานะก็คือว่าคุณหมายถึงว่าความรู้สึกทางกายเนี่ย
มันหมดความยึดมั่นถือมั่นแล้ว ว่าตัวนี้มันเป็นกายของเรา
เรามีวูบของความรู้สึกว่ากายไม่ใช่เราได้
แต่เสร็จแล้วพอเกิดความรู้สึกที่จิต
จะเป็นจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ หรือจิตฟุ้งซ่านก็ตาม
เรายังรู้สึกว่าจิตเป็นเราอยู่

อันนี้น่าจะเป็นคำถามในใจของคุณนะ
เวลาดูอย่าไปมองว่าเราข้ามตัวเวทนาทางกาย
หรือว่าจะไปต่อเวทนาทางจิตอะไร
ให้ดูไปเรื่อยๆ ว่าเวทนาทั้งปวงไม่เที่ยง ดูอยู่แค่นั้น
เห็นว่ามันไม่เที่ยงตามเหตุปัจจัย
ที่ปรุงแต่งภาวะทางกาย ปรุงแต่งภาวะทางจิต ไม่ซ้ำรูปแบบ
ดูอย่างนั้นไปเรื่อยๆ นะครับ