Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๔๐๕

 

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๔๐๕

มิถุนายน ๒๕๖๕

 

ฝึกสมาธิมาหลายสิบปีแต่เหตุใดจึงไม่เคยเห็นนิมิตใดๆ เลย

ถาม (๑) – ดิฉันพยายามฝึกสมาธิมาหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นนิมิตใดๆ เลย
มีแค่อาการง่วงนอนและฟุ้งซ่านบ้างเท่านั้น เกิดจากสาเหตุใดคะ

ตอบ - มันไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปเห็นนิมิตสมาธิ ไปเห็นโน่นนี่นั่นอะไรต่างๆ นะ
เอาแค่ว่าถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองนั่งคอตั้งหลังตรงได้
หายใจเข้าออก แล้วรู้สึกว่าลมหายใจเนี่ยมันไม่เที่ยง
เดี๋ยวมันก็ยาว เดี๋ยวมันก็สั้น
แค่นี้ได้มากกว่าคนที่ไปเห็นนิมิตอะไรพิสดารเสียอีก

เพราะคนที่เห็นนิมิตอะไรพิสดาร รู้เห็นนรกสวรรค์ รู้เห็นเรื่องนอกตัว
พวกนี้จะยังหลงได้ มีราคะ มีโทสะ มีโมหะแบบผิดๆ ได้

แต่ถ้าเราเห็นความไม่เที่ยงของลมหายใจนะ
ว่าเดี๋ยวมันก็เข้า เดี๋ยวมันก็ออก เดี๋ยวมันก็ยาว เดี๋ยวมันก็สั้น
แล้วรู้สึกว่าลมนี้ ที่ลมหายใจนี้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ลมหายใจของเรา
แค่นี้พอเกิดปัญญาแบบพุทธขึ้นมา
โลภะโทสะโมหะแบบผิดๆ มันไม่พร้อมจะเกิดแล้ว
จิตมันถอยห่างออกมาจากอาการยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา
ว่าจะต้องเอามาเป็นของเราให้ได้
แค่นี้ถือว่าเหนือกว่าพวกที่เห็นนิมิตพิสดารแล้ว

สำคัญตรงที่ว่าคุณต้องศึกษาให้เข้าใจ
ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรกันแน่
ท่านสอนอานาปานสติ ไม่ใช่แค่ให้ดูลมหายใจอย่างเดียว
แต่ให้ดูว่าแต่ละลมหายใจ ให้ความรู้สึกอย่างไร
รู้สึกสบายเพราะหายใจยาว
หรือว่ารู้สึกเป็นทุกข์เพราะอึดอัด หายใจสั้น
เปรียบเทียบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นว่าหายใจยาวก็ดี หายใจสั้นก็ดี
มันเป็นต้นเหตุความสุข ความทุกข์ชั่วคราว ไม่ใช่ของๆ เรา
แค่นี้คุ้มชาติเกิดแล้ว อันนี้พูดจริงๆ นะ
เพราะถือว่าได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ต่อให้ชาตินี้ไม่ได้อรหัตผล ไม่ได้พ้นทุกข์ไป ไม่ได้ถึงนิพพาน
ชาติหน้าได้เจอคำสอนของพระพุทธเจ้าอีก
เพราะถือว่าได้ทำกรรมอันใหญ่ เป็นบุญอันใหญ่หลวง
คือได้ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

 

..................................................................



ถาม (๒) – เวลาผมทำสมาธิ จะรู้สึกว่าร่างกายโยกเองเบาๆ เกิดจากอะไรครับ

ตอบ - คิดเสียว่าเป็นแรงดันชนิดหนึ่งนะครับ แรงดันจากภายใน
อย่าไปสนใจว่าโยกจากอะไร แต่ให้สนใจว่าโยกมาก โยกน้อย
แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นนิ่งหรือเปล่า
สังเกตความไม่เที่ยง มีประโยชน์กว่าไปตั้งคำถามว่าเกิดจากอะไร
เพราะเกิดจากอะไรเนี่ย มันสารพัดเลยนะ มันมีเหตุได้สารพัด
แต่ว่าสังเกตความไม่เที่ยง แล้วได้ข้อสรุปว่าความไม่เที่ยง
มันบอกเราว่าสิ่งนั้นเช่นอาการโยกนี้
มันเป็นแค่ของชั่วคราว ไม่ได้น่ายึดมั่นถือมั่น
พอจิตมีสติเต็มกำลังแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังปรากฏ
แม้กระทั่งอาการโยกไหว
จิตจะบอกตัวเองได้เลย ออกมาจากสัญชาตญาณภายใน
ว่าที่มันโยก มันโยกเพราะอะไร

บางคนโยกเพราะว่าเป็นออโตเมติก (automatic)
ของร่างกายที่มันไม่พร้อมจะนิ่ง
บางคนเห็นเป็นธาตุว่าเพราะธาตุลมมีอาการพัดไหว
แล้วก็บันดาลให้ธาตุดิน ธาตุน้ำมันโยกไหวไป
บางคนเห็นได้ละเอียดลึกซึ้งขนาดนี้นะ
แต่บางคนก็อาจบอกตัวเองว่าเป็นนิสัย อยู่นิ่งไม่ได้
แล้วใจมันมีอาการดิ้น มันมีอาการดิ้นอยู่ลึกๆ
ร่างกายก็เลยโยกตามอาการดิ้นที่ยังคงเหลืออยู่ ตกค้างอย่างนั้นนะครับ

จะเหตุอะไร มันไม่ได้สำคัญ
เข้าใจไปแล้วมันไม่ได้เป็นคำตอบที่จะทำให้บรรลุมรรคผล
ตัวที่จะทำให้เราบรรลุมรรคผล
คือตัวที่จิตมีความคุ้นมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญที่จะเห็น
ว่าสภาวะที่เราเห็นไปแล้วนั้น มันกำลังเปลี่ยนไป ไม่ใช่ตัวของเรา
ตัวนี้ที่ในที่สุดมันจะไปจุดชนวนมรรคผลขึ้นมานะครับ สนใจตรงนี้ดีกว่า