Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๙๐

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๓๙๐

พฤศจิกายน ๒๕๖๔

 

การปรามาสพระอริยะถือเป็นบาปมากไหม

ถาม – การปรามาสพระอริยะ มีผลเสียมากไหมครับ
ในสังคมที่ใช้โซเชียลมีเดีย (
social media) กันอย่างแพร่หลายแบบทุกวันนี้
จะมีพระอริยะออกมาในสื่อโซเชียลบ้างไหมครับ และพวกเราควรระวังอย่างไร

ตอบ - พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในครั้งหนึ่งว่า ผลของการปรามาสอริยบุคคล
คือมีจิตฟุ้งซ่านเหมือนจะเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่านจัด
ก็เคยเห็นมาเยอะนะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าในโลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ ไม่ว่างจากพระอริยบุคคล
ตราบเท่าที่ยังมีการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ หรือสติปัฏฐาน ๔ หรือว่าอานาปานสติ
เพราะฉะนั้นเราคาดหมายได้ว่าถ้ายังมีการพูดถึง มรรคมีองค์ ๘
มีการพูดถึงสติปัฏฐาน ๔ มีการปฏิบัติตามอานาปานสติ
เราประมาทไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องจะโซเชียลหรือไม่โซเชียล

ถึงพระป่า ครูบาอาจารย์ บางทีท่านอยู่ตามป่าตามเขา
แต่ว่าเรื่องราวของท่านถูกนำมาลงในโซเชียล
แล้วก็มีการปรามาสกันได้เยอะแยะนะครับ
โอกาสที่จะปรามาสโดยไม่รู้ตัว มันสูงอยู่แล้ว
อย่างบางคนผมเคยเห็น ตั้งอธิษฐานออกสื่อเลยนะ
กลางกระทู้ ลงกลางสเตตัส (
status)
ว่าเกิดชาติไหนหนใดในอนาคตกาล ขออย่าได้ปรามาสอริยบุคคล
แต่ยังไม่ทันไร ในเวลาไม่นานให้หลังก็เรียบร้อยนะ
คือไปปรามาสในชาตินี้แหละ ไม่ต้องชาติไหน

ตรงนี้คือทางที่ดีนะครับ วิธีที่เราจะตั้งไว้ในใจ
ก็คือว่าอย่าคิดร้าย อย่าคิดในทางประทุษร้าย
อย่าพูดในทางทำให้ใครเสียหายเลยดีที่สุด

แต่ถ้าทำไม่ได้ ยังต้องมีการพูดถึง ยังต้องมีการรีเฟอร์ (
refer) มีการพาดพิง
แล้วอดของขึ้นไม่ได้ อดเกิดอารมณ์ไม่ดี อดไม่ได้
แม้แต่พระพุทธเจ้า เห็นไหม คือบางทีถ้าเราศึกษาประวัติท่าน
แล้วบางทีไม่ถูกใจ บางทีเราก็หงุดหงิด
นี่ขนาดระดับพระพุทธเจ้านะ
เพราะฉะนั้นคือระดับที่รองๆ ลงมา อริยบุคคลก็ไม่ต้องห่วงนะ
บางทีท่านอาจไม่เป็นไปตามความคาดหมาย
ว่าอริยบุคคลต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้

วิธีที่จะเซฟ (safe) ที่สุดก็คือเราอย่าคิดไม่ดีกับใครเลย
ถ้ามันจำเป็นต้องคิดเพราะถูกกระทบ
เราก็จำกัดความคิดให้เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ถูกกระทบมา
ไม่คิดเลยไปกว่านั้น ไม่ไปด่าทอ
ไม่ไปทำให้มันมีจิตที่ขุ่นเคืองมากไปกว่าที่ควรนะครับ
เพราะว่าต่อให้ไม่ใช่อริยบุคคล
ต่อให้เป็นคนธรรมดา หรือแม้แต่เป็นสัตว์เดรัจฉาน
ถ้าเราไปคิดไม่ดี ไปคิดสาปแช่ง มันก็เป็นบาป
เป็นตัวที่ปรุงแต่งให้จิตเกิดความฟุ้งซ่านจัดได้เหมือนกัน
แล้วก็ในการเดินทางในสังสารวัฏ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในครั้งหนึ่งนะ
สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือการสะสมมโนทุจริต วจีทุจริต กายทุจริต
และการปรามาสอริยบุคคล

ในสูตรนะถ้าแปลเป็นไทย ใช้คำว่าติเตียนอริยบุคคล

คือถ้าเอาในทางปฏิบัติแบบชาวบ้าน ก็คืออาจด่าทอ
หรือไปเหยียดหยาม ประณาม หรือไปก่นด่าไม่มีชิ้นดีอะไรแบบนั้น
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นอะไรที่ร้ายแรง

ซึ่งพิจารณาแล้วก็คงจะเห็นได้ไม่ยากนะ
เพราะอย่างในอภิธรรม มีอยู่เรื่องของเหตุปัจจัย
ถ้าปรามาสหรือประทุษร้ายกัลยาณชนผู้มีศีลมีธรรมดี
ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้ได้ไปปรามาสหรือประทุษร้ายพระโสดาบันบุคคล
แล้วก็เป็นเหตุปัจจัย เป็นขั้นบันได
ให้ไปได้ปรามาสสกทาคามีบุคคล อนาคามีบุคคล และอรหัตตบุคคล
แล้วก็นู่นเลย กระโดดไปหาพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือว่าพระพุทธเจ้า
นี่มันเป็นขั้นบันไดที่จะไปต่อๆ ไป
ปรามาสอริยบุคคลในชาตินี้ มีสิทธิ์ไปปรามาสพระพุทธเจ้าในชาติต่อๆ ไป
เนี่ยสรุปง่ายๆ นะ

เพราะฉะนั้นคือเราทำไว้ในใจว่าไม่คิดร้าย ไม่ประทุษร้ายกับใครเลยดีที่สุด
เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ธรรมะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธรรมะสูงๆ เป็นของภายใน
ซึ่งรู้ได้ยากว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไรนะครับ

แต่ถ้าเราไม่ไปด่า ไม่ไปติเตียนใครด้วยโทสะเลย
ก็เท่ากับเซฟ เพราะเราไม่ต้องก่อบาปก่อกรรมกับอริยบุคคลแน่นอน
เพราะแม้แต่คนทั่วไป เราก็ไม่ทำ