Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๘๔

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๓๘๔

สิงหาคม ๒๕๖๔ 

 

ทำอย่างไรจึงจะไม่กลัวตาย

ถาม – ผมทำสมาธิและวิปัสสนา และได้พิจารณาความตายอยู่เนืองๆ
แต่ทำไมยังรู้สึกกลัวตายอยู่ครับ

ตอบ - ทำวิปัสสนาไม่ใช่การนึกคิดนะ ไม่ใช่การใช้จินตนาการนะ
ถ้าวิปัสสนาจริงๆ หมายถึงการเห็นนะครับ
ทีนี้มรณสติเนี่ย มันมีหลายแบบ หลายระดับ
อย่างระดับของการคิดว่าเดี๋ยวเราจะตาย
อันนั้นก็เขาเรียกว่าใช้จินตนาการ ใช้ความรู้สึกนึกคิด

แต่ถ้าหากว่าเราทำตามลำดับ
อย่างเช่นที่พระพุทธเจ้าให้ดูลมหายใจเข้าออก เป็นอานาปานสติ
แล้วเห็นชัด จนกระทั่งรู้สึกมาถึงอิริยาบถปัจจุบัน
รู้สึกว่าอิริยาบถนี้คือกาย แล้วเห็นกายชัดขึ้นๆ
จนกระทั่งมีตับไตไส้พุง มีโครงกระดูกอะไรต่างๆ
แล้วเห็นโครงกระดูกและตับไตไส้พุงเหล่านั้น
มันเป็นของที่มาประชุมกันชั่วคราว แออัดยัดทะนานกันชั่วครู่
แล้วในที่สุดจะต้องแยกย้ายกระจัดกระจายหายไป
คือมันเห็นจริงๆ ออกมาเป็นอสุภกรรมฐาน

แล้วก็คำว่ามรณสติ มันไปสรุปตรงที่นวสีวถิกาบรรพ
คือที่สุดของกายานุปัสสนา
มันจะเห็นว่ากายนี้แสดงอาการเน่าเปื่อยผุพังให้ดู
ถึงตรงนั้นจะไม่กลัวตายขึ้นมาจริงๆ นะ

เพราะว่าถ้าเห็นแล้วเนี่ย ธรรมชาติของร่างกายของเราเองนี่แหละ
ที่มันเป็นเครื่องประหารชิ้นใหญ่ที่สุด
ต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุมากระทำ ต่อให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน
ต่อให้เราได้ยาอายุวัฒนะ อะไรมาก็แล้วแต่
ในที่สุดแล้วมันก็ไม่สามารถเอาชนะอายุขัย
หรือว่าความเป็นของต้องเน่าเปื่อยผุพังของร่างกายนี้ไปได้
ไม่มีใครเอาชนะได้ ไม่ว่าต่อให้เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม
ท่านให้พิจารณานะ แม้แต่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่มีบุญสูงสุดแล้ว
ก็ต้องเสื่อมสลายหายไปนะครับ

แล้วการเห็น ไม่ใช่เห็นด้วยความคิด
ในทางวิปัสสนาในทางการเจริญสติเนี่ย ในขั้นสุดยอดของกายานุปัสสนา
คือการเห็นจริงๆ นะว่าธรรมชาติของกายนี้ต้องดับสูญไปนะครับ
ถ้าอยากลองดูนะว่า การเจริญสติจนเห็นกายเน่าเปื่อยผุพังเป็นอย่างไร
ก็ลองเข้าไปที่ เสียงสติ.
com ได้นะ
ลองเข้าไปดู แล้วดูในคลิปคลื่นปัญญานะครับ
จะมีบอกให้ตามลำดับเลยนะ
ว่าเราจะสามารถเห็นร่างกายโดยความเป็นของเน่าเปื่อยผุพังได้อย่างไร