Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๘๐

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๓๘๐

มิถุนายน ๒๕๖๔ 

 

ผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตจะสามารถบรรลุธรรมได้ไหม

ถาม (๑) – ผู้ที่มีภาวะทางจิตผิดปกติจะสามารถปฏิบัติธรรม
จนบรรลุธรรมถึงขั้นโสดาบันหรือสูงกว่านั้นได้ไหมคะ

ตอบ – ถ้าผิดปกติทางจิต
ในแบบที่มันไม่สามารถจะเอามารับรู้ ภาวะทางกาย ภาวะทางใจ
ไม่สามารถแม้กระทั่งทำความเข้าใจ
ว่าจะเห็นกาย เห็นใจ โดยความเป็นของไม่เที่ยงไปเพื่ออะไรนะ
เพื่อให้รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวตน เพื่อให้รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวเดิม
ถ้าทำความเข้าใจไม่ได้ ผิดปกติขนาดนั้นเนี่ย
อย่างไร อย่าว่าแต่ไปถึงโสดาเลย
เอาแค่ได้วิปัสสนา ได้สมาธิขั้นต้นๆ ก็เป็นไปไม่ได้แล้วนะครับ

แต่ถ้าหากว่าคำว่า “ผิดปกติ” นี้
อยู่ในความหมายที่บางทีเพี้ยนๆ หรือว่าบางทีเป็นไบโพลาร์ (
bipolar)
ยังพอทำความเข้าใจได้อย่างชัดเจน มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับมุมมองของกายใจ
จะเห็นความไม่เที่ยงไปทำไม รู้ว่าไม่ใช่ตัวเดิมไปทำไม
นี่อย่างนี้ ยังมีสิทธิ์

ซึ่งคนที่มีความเพี้ยน หรือว่าภาวะผิดปกติทางสมองก็อาจจะยากขึ้นนิดหนึ่ง
แต่ว่าถ้าพ้นช่วงที่ยึดติดกับภาวะปั่นป่วนในหัว ในอารมณ์ของตัวเองได้
เห็นว่าภาวะปั่นป่วน มันก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน
เห็นว่าถ้าหายใจยาวจะสดชื่นขึ้นๆ มีภาวะปรุงแต่งในทางบวกมากขึ้น
ในที่สุดแล้ว มันก็จะหลุดออกมา จากภาวะผิดปกติ
แล้วก็สามารถทำให้ความเป็นสติมันเจริญขึ้นได้

คิดถึงคำว่า “สติ” อย่าเพิ่งคิดถึงคำว่า “ปฏิบัติ”
อย่าเพิ่งคิดถึงคำว่า “โสดา” คิดถึงคำว่า “สติ” ก่อน
ถ้าหากว่าคนๆ หนึ่งนะ มีความสามารถที่จะตั้งสติ ทำความเข้าใจกับธรรมะ
ธรรมะทางกาย ธรรมะทางใจ
ธรรมะแห่งความไม่เที่ยง ธรรมะแห่งความไม่ใช่ตัวตน
สติแบบนั้นมันจะทำให้คนคนหนึ่งเจริญสติได้

เจริญสติย่อมาจากเจริญสติปัฏฐาน
เอากาย เวทนา จิต ธรรม หรือพูดง่ายๆ กายใจนี้เป็นฐานที่ตั้งของสติ
เมื่อคนคนหนึ่งมีสติอยู่ในฐานของกายใจนี้
จนกระทั่งรู้สึกว่ากายใจนี้ ทั้งยวงนี้เลย มันกำลังแสดงความไม่เที่ยงอยู่

นั่นน่ะ คือการมาตามหนทางของนักเจริญสติ แบบที่พระพุทธเจ้าอยากให้มีนะครับ
ซึ่งต่อให้เขามีความผิดปกติอยู่บ้าง ถ้ามาเดินตรงทางของนักเจริญสติแล้ว
มันก็จะค่อยยังชั่ว ดีขึ้น หรือกระทั่งหายขาด
เอาตรงนี้ก่อน เอาตรงที่เรียกว่าตอนแรกเขาขาดสติ
แล้วมาเจริญสติเพื่อให้มีสติดีขึ้น มันเป็นไปได้นะ

 

..................................................................

 

 

ถาม (๒) – ดิฉันปฏิบัติธรรมมา ๔ ปีแต่ไม่ได้ทำในรูปแบบนะคะ
ถ้าหากอยากก้าวหน้าในการปฏิบัติควรจะทำอย่างไร
เพราะหน้าที่การงานก็หนักและเครียดมากค่ะ

ตอบ – อันนี้พอดีไม่ได้เล่าว่าปฏิบัติ ๔ ปี ปฏิบัติอะไรบ้างนะ
เอาเป็นว่าอย่างนี้ คือถ้าการงานหนักแล้วก็เครียด
วิธีปรับใช้ที่ง่ายที่สุด ที่เป็นไปได้ ทำได้เลยทันที
ก็คือเวลาเครียด เวลาหนัก ให้มองว่าอันนั้นน่ะ สายเกินไปแล้ว
แต่ก่อนเครียด ก่อนหนัก และเราดูอยู่ รู้อยู่ อันนี้ยังไม่สายเกินไป

ดูว่ามันเริ่มหัวคิ้วขมวดขึ้นมาเมื่อไหร่
ถ้าหัวคิ้วขมวดขึ้นมา ให้สันนิษฐานว่าเราก้มหน้า แล้วก็คิดมาก
ให้คอตั้งหลังตรง แล้วสำรวจฝ่าเท้า ฝ่ามือ
ว่ามีอาการจิก มีอาการกำ มีอาการเกร็งอยู่ไหม
ถ้าหากว่ามันมีอาการกำ มีอาการเกร็ง หรือจิกเท้าอยู่กับพื้น
ก็ให้ผ่อนคลายมันออกมา

พอเท้ากับมือสบายแล้ว เราก็ดูว่าทั่วใบหน้าของเรา
ยังมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่มันขมวด ที่มันตึงอยู่ไหม เนี่ยสำรวจขึ้นมา

ทุกครั้งก่อนที่มันจะก่อตัวเป็นความเครียดได้
พอมีอาการหมกมุ่น มีอาการรู้สึกว่าตึงๆ ขึ้นมานิดหนึ่ง
รู้ให้ทัน แล้วก็มาผ่อนคลายอย่างนี้

เนี่ยทำได้อย่างนี้ทุกครั้งนะ
รับประกันว่าจะไม่มีความเครียดหนักจากการทำงานอีกเลย