Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๗๙

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๓๗๙

มิถุนายน ๒๕๖๔ 

 

ทำอย่างไรจึงจะรับฟังปัญหาของผู้อื่น โดยไม่เป็นทุกข์ไปด้วยได้

ถาม (๑) – เราจะเป็นผู้ฟังที่ดีและมีจิตที่ไม่ทุกข์ร้อนไปด้วย
ในยามที่ต้องรับฟังปัญหาของคนในครอบครัวได้อย่างไรคะ
ทุกครั้งที่ได้รับรู้ ก็พบว่าตัวเองเกิดอาการกดข่ม และจิตขุ่นมัวมาก
ไม่สามารถวางใจให้เป็นอุเบกขาได้ค่ะ

ตอบ - การเป็นผู้ฟังที่ดี จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งที่มันจะเหมือนกับอาศัยการกดข่มนะ
คือการเป็นผู้ฟังที่ดี ตัวตั้งเลยต้องมีความพอใจที่จะฟัง
แล้วความพอใจที่จะฟังนะ สำหรับคนที่ฝึกมาจริงๆ เนี่ย
จะฟังอย่างมีเป้าหมายว่าจะได้ข้อสรุปอะไร

คือผู้ฟัง จำไว้นะ ผู้ฟังที่ดี ไม่ใช่ผู้ฟังอย่างเดียว
แต่เป็นผู้ฟังที่คิดว่าจะสรุป หรือว่าจะโต้ตอบ หรือว่าจะให้คำแนะนำ
หรือว่าจะทำให้มุมมองของผู้พูดเปลี่ยนไปได้อย่างไร
คือพูดง่ายๆ ว่าเราฟัง ไม่ใช่เพื่อที่จะทนฟัง
แต่ฟังเพื่อที่จะได้จับจังหวะ จับจุด
ว่าจะแสดงไอเดียของเราออกไปอย่างไร

ตัวการพยายามหาจุด พยายามหาเป้าว่าเราจะได้ข้อสรุปอย่างไร
เพื่อโต้ตอบกับเขา มันจะทำให้เรามีสติในการฟัง
แล้วก็เก็บข้อมูลรายละเอียด คือเต็มใจที่จะเก็บรายละเอียดมา
เพื่อสรุปของเรานะ เป็นคำพูดของเรา
ตัวนี้แหละที่มันจะก่อให้เกิดความพอใจที่จะฟัง

จำไว้ คีย์เวิร์ดนะ การเป็นผู้ฟังที่ดีนะ คือต้องมีความพอใจที่จะฟัง
และเพื่อที่จะพอใจได้ คุณต้องตั้งธงไว้
ว่าคุณจะโต้ตอบอย่างไร จะลงไปสู่ข้อสรุปแบบไหน

 

..................................................................

ถาม (๒) – เวลาที่เราสวดมนต์หรือปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว
ถ้าอยากแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
เราไม่ควรจะคิดมากใช่ไหมครับว่าจะให้คนนั้นคนนี้
ควรจะคิดกว้างๆ แค่ว่าใครรับรู้ได้ ก็เชิญมาใช่ไหมครับ

ตอบ – อันนี้จะทำให้จิตของเรามีโฟกัสดีที่สุด
คือใครก็ตามที่รับรู้อยู่ ใครก็ตามที่รออยู่ หรือว่าใครก็ตามที่สมควรจะได้รับ
เอาแค่สั้นๆ นึกในใจแค่นี้
ใจของเราจะมีอานุภาพมากกว่าในการแผ่ในการอุทิศไป
เพราะประเภทที่มานั่งอ่าน จาระไนรายชื่อ
ว่าจะมีคนนั้นคนนี้ อยู่ภพภูมิโน้น ภพภูมินี้
ที่ผมสังเกตมา คนที่มาท่องเป็นคำๆ แบบนี้
จิตไม่ได้มีกำลังเลยนะ คือจิตอยู่ในอาการท่องเฉยๆ
มันไม่ได้มีลักษณะของจิตที่แผ่ความสุข ความสว่าง ความเป็นกุศลออกไปนะ

จำไว้นะ ลักษณะของจิตที่จะแผ่ออกไปได้ถึงจริง ต้องมีกำลัง
และกำลังของจิตที่จะมากที่สุดก็ตอนที่คิดน้อยที่สุด

ถ้าหากว่า เรามีท่าไม้ตายไว้เลย
คิดไว้แค่ว่า ถ้าใครรับรู้อยู่ขอให้ได้ส่วนความสว่าง
ขอให้ได้ส่วนความสุข ขอให้ได้ส่วนบุญที่ทำไปนี้ จงได้เสมอกัน

แค่นี้มันจะเหมือนเทียนต่อเทียน
ไฟที่ไม่มีสิ่งรบกวน ที่ไม่มีสิ่งมาคลุมบัง มันก็ไปถึงเทียนอีกเล่มหนึ่ง
แล้วก็ต่อเทียนได้สว่างเท่ากันนะ หรือไล่เลี่ยกัน