Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๖๗

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ ฉบับที่ ๓๖๗

ธันวาคม๒๕๖๓ 

 

สติเกิดขึ้นได้อย่างไร

ถาม (๑) – สติจะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ

ตอบ – มาจากการตั้งจิตไว้นะครับ
คือถ้าคนเราไม่ตั้งจิตไว้เนี่ย สติไม่มีทางมานะ
ถ้าปล่อยจิตปล่อยใจเนี่ย สติไม่มีทางเกิดขึ้นเองนะ
คือถ้าใครจะบอกว่าสติเกิดขึ้นเอง
ด้วยสำนวนโวหารหรือว่าวิธีไหนก็แล้วแต่เนี่ย ผมไม่เห็นด้วยนะ

แล้วก็ที่สำคัญเลยนะครับ อย่างวิธีการเจริญสติแบบที่พระพุทธเจ้าสอนนะ
ท่านสอนอย่างมีขั้นมีตอนชัดเจนนะ
เอาบรรทัดฐานเป็นการรู้ลมหายใจนะครับ
ถ้ารู้ลมหายใจได้อย่างถูกต้อง
ว่าขณะนี้หายใจเข้า ขณะนี้หายใจออกอยู่
นี่พระองค์ถือว่าขณะนั้นมีสติ

เพราะอะไร คุณไปเปิดดูในอานาปานสตินะ อานาปานสติสูตรเนี่ย
พระพุทธองค์สอนนะว่ามีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
นี่คือก้าวแรกของวิธีการเจริญสติแบบที่พระพุทธเจ้าสอนนะ
สติไม่เกิดขึ้นเองนะ ต้องเกิดจากการกำหนดไว้ว่าเราจะรู้อะไร
แล้วต้องรู้ตรงตามจริงด้วยนะครับ

มันไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการรู้ลมหายใจ
เพราะมันชัดเจนว่าคุณรู้ถูกอยู่หรือเปล่านะ
ถ้าไปรู้ว่าตัวเองกำลังสุขหรือกำลังทุกข์
บางทีนะคนเนี่ยสงสัยว่าตอนนี้เนี่ยกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่
มันครึ่งสุขครึ่งทุกข์อย่างไรบอกไม่ถูก
หรือบอกว่าจิตเนี่ยสงบหรือฟุ้งซ่าน บางทีเนี่ยตอบไม่ถูกนะ
มันแบบครือๆ ครึ่งๆ กลางๆ อย่างไรชอบกลนะ
แต่อย่างลมหายใจเนี่ย มันไม่ต้องสงสัยนะ
ถ้าคุณรู้ไม่ตรงตามจริง
ว่าขณะนั้นคุณกำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกเนี่ย
ผิดแน่นอนเลยนะ ไม่มีสติแน่นอนเลยนะ

 

..................................................................

ถาม (๒) – ทำอย่างไรจึงจะรักษาแผลใจให้หายได้เสียทีคะ
เรื่องราวก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่ดิฉันยังรู้สึกเสียใจอยู่เลยค่ะ

ตอบ – อันนี้แหละที่ผมว่านะคือเวลาไม่ได้รักษาแผลใจได้เสมอไปนะ
คือเพราะว่าตราบใดที่เรายังแหวกแผลเล่น เรายังกรีดแผลเพิ่มนะ
ตราบนั้นแผลจะยังไม่หายไปไหน มันก็ติดตัวต่อไป
ตราบเท่าที่เรายังกรีดแผลหรือว่าแหวกแผลเล่นนั่นแหละ
แล้วอาการแหวกแผลเล่นหรือว่ากรีดแผลเล่น
ก็คืออาการตรึกนึกถึงหรือว่ามีอาการกระเสือกกระสนนะ
อยากจะเอาภาพจำเก่าๆ มาเป็นภาพจริงในปัจจุบันเสียใหม่
แต่ของจริงที่มันอยู่ในปัจจุบันเรากลับไม่สนใจ
แล้วก็ตักตวงความสุขมาจากมันไม่ได้

ทั้งๆ ที่ขุมทองมันอยู่ตรงนี้แหละ มันอยู่ที่ลมหายใจปัจจุบันนี้แหละ
ต่อให้คุณเป็นภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวกนะ
ก็สามารถที่จะมีความสุขกับการเห็นว่าครั้งนี้มันอึดอัดเป็นทุกข์มากนะ
แต่หายใจไปเรื่อยๆ มันค่อยๆ โล่งขึ้น
แล้วเดี๋ยวมันก็กลับลงมาตีบตันใหม่
เห็นอย่างนี้ก็ได้นะ ไม่ใช่จะต้องเห็นอย่างนักทำสมาธิที่เก่งแล้วเสมอไป

แล้วถ้าจิตของคุณมีความเบา มีความสบาย
จากการมีสติเห็นความไม่เที่ยงได้เนี่ย

ร่างกายมันก็จะผลิตสารอะไรดีๆ นะ
แล้วก็มีส่วนที่จะลดอาการหนักหนาสาหัสของภูมิแพ้ลงได้ด้วย
อันนี้เป็นเรื่องทางกายภาพเลยนะ
ถ้าสารดีๆ มันหลั่งออกมาเนี่ย ภูมิแพ้มันก็บรรเทาเบาบางลงได้