Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๘๘

อุบายแก้ความโกรธและความพยาบาท

ถาม - เราจะควบคุมอารมณ์โกรธได้อย่างไรคะ
พยายามหาอุบายในการเมตตาคนที่ทำให้เราเกิดโทสะแล้ว
แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลค่ะ

dungtrin_gru2จากที่สังเกตตัวเอง ซึ่งก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
มีประสาทรับสิ่งกระทบกระทั่งเท่ากับคนอื่น
มีจิตวิญญาณที่เกลือกกลั้วด้วยกิเลสและความไม่รู้เท่ากับคนอื่น
ที่จะไม่เหมือนคนส่วนใหญ่อยู่บ้าง
ก็คือใจที่ปักหลักศรัทธาพระธรรมคำสอนขึ้นใจ
ว่าทุกข์เกิดขึ้นที่ใจ และทุกข์ดับลงที่ใจ
โลกและผู้คนคือเปลือกนอกที่มีรูปทรงสีสันและส่ำเสียงแปรไปเรื่อยๆไม่ซ้ำ
แต่ใจคือเนื้อในที่วนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่กี่สภาพ
สุข ทุกข์ เฉย ดี ร้าย หรือเป็นกลาง
จะมีระดับความเข้มข้น หนักเบาอย่างไร ก็ซ้ำซากอยู่ในวงจำกัดเท่านี้
ดังนั้นถ้าหมั่นมองเข้ามาที่ภายใน
ลดๆความยึดถือรูปแบบภายนอก โลกที่ดูเหมือนมีสีสัน มีความน่ายึดถือ
ก็จะเปลี่ยนไปเป็นโลกที่จืดชืด น่าแหนงหน่าย ไม่ชวนยึดมั่นถือมั่น
ความเคยชินที่จะส่งสายตาออกสู่โลกภายนอก แสวงหาสิ่งแปลกใหม่
จะเปลี่ยนเป็นความเคยชินที่จะเข้ารู้ รักษาสภาพของใจเอาไว้
ให้อยู่ในสภาพสุกปลั่ง ละเอียดอ่อน นิ่มนวล และแยกชั้น
ไม่ผสมรวมเข้ากับของหยาบที่เข้ามากระทบกระทั่งทั้งหลาย
เสมือนดวงไฟที่ถูกกั้นลมโดยรอบไว้ด้วยเกราะแก้วดีแล้ว

หากโยงเอาพระธรรมคำสอนทั้งหมดมารวมลงที่ใจ
ของจริง มีจริง ทุกข์จริง ปรากฏจริงตรงที่รู้อยู่เดี๋ยวนี้
เริ่มต้น และลงเอยการศึกษาธรรมะที่จุดนี้
เรื่องต่างๆจะง่ายขึ้นมาก
เพราะอุปกรณ์การดับทุกข์ ประชุมพร้อมอยู่แล้วในอัตภาพมนุษย์
คือธรรมชาติที่ปรากฏเป็นผู้เขียนและผู้อ่านกระทู้นี้เอง

ความโกรธก็เหมือนกัน
เช่นเดียวกับความฟุ้งซ่าน ความมีราคะจัด และกิเลสชนิดอื่นๆ
ใครต่อใครถามหากลเม็ดเคล็ดลับในการดับกิเลส
โดยผูกยึดไว้กับวัตถุหรือบุคคลภายนอก
กล่าวคือนึกว่าตัวกิเลสนั้นฝากไว้กับสิ่งอื่น
เช่น ไปคิดว่าเขากำลังมีความกดดันทางเศรษฐกิจ
เขาน่าจะต้องมีปัญหาทางครอบครัว ลูกและเมียกำลังเดือดร้อน
เขามีปัญญาแค่ทำตามคำสั่งผู้ใหญ่
เราต้องเคยมีเวรมีกรรมกับเขามาแต่ปางก่อนแน่ๆ ฯลฯ
เหล่านั้นเป็นอุบายทำความเข้าใจ ความเมตตาให้เกิดขึ้นก็จริง
แต่ไม่ได้เป็นอุบายเข้ามาดูที่ใจ
เข้ามาเห็นความโกรธ ความฟุ้ง ความเร่าร้อนจับไม่ติด
เมื่อไม่เห็น ไม่เข้าให้ถึงใจที่เป็นอกุศล
ก็ไม่เกิดการเปรียบเทียบกับจิตที่เคยสงบ
ไม่เห็นโทษภัยของจิตที่ระส่ำระสาย
เป็นเวรเป็นกรรมกับตัวเองในปัจจุบัน
เป็นทางเดินข้างหน้าที่โรยด้วยถ่านร้อน ไม่ใช่ไอเย็น

สรุปง่ายๆ ว่าทำใจให้เย็นเป็นปกติ
ให้ทาน แผ่เมตตาด้วยปัญญาเห็นเข้ามาที่จิต
ว่าจิตนี้เองหวงทุกข์ไว้ จิตนี้เองไม่รู้จักโทษภัย เพราะมัวส่งออกนอก
ต่อไปเราจะให้อภัยเป็นทาน ก็เพื่อจิตของเราเอง
มองเข้ามา และรู้สึกถึงความเย็น
ได้รางวัลอยู่กับตัวเอง เย็นอยู่กับหัวใจที่ไม่ส่งกิริยาเพ่งโทษ
อยากทำโทษใคร

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/000968.htm