Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๐๗

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 

 

 

เกิดความกลัวในขณะที่นั่งสมาธิ ควรปฏิบัติอย่างไร

ถาม – เวลาที่ดิฉันนั่งสมาธิ เคยมีอาการวูบสงบ
เหมือนกับห้องที่เปิดไฟอยู่ แล้วมีใครมาปิดไฟให้มืดลงในทันที
อาการอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกกลัว
แบบนี้ควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้องคะ

ตอบ - ขอให้มองนะว่าสภาพทางใจ อาการทางจิตที่อยู่ในระหว่างนั่งสมาธิเนี่ย
เป็นสภาพที่มีความชัดเจนกว่าตอนที่เราอยู่ในชีวิตประจำวัน
เพราะฉะนั้นถ้าเห็นอะไร เกิดอะไรขึ้นเนี่ยเลยตกใจ
เพราะว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นปกติในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าหากว่าเรามีความสามารถจะมองเข้ามาที่จิตตัวเองนะ
เห็นว่ามืด เห็นว่าสว่าง เห็นว่าใส เห็นว่าทึบนะ ในระหว่างวันเนี่ย
เราจะไม่รู้สึกตกใจ
มันเกิดขึ้นเป็นปกติ มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว

เวลาที่เกิดความรู้สึกดีใจขึ้นมามากๆ
บางทีมันมีความรู้สึกสว่างจ้า มันมีความรู้สึกเหมือนโลกแจ่มใส
จริงๆ แล้วแสงอาทิตย์มันก็ยังเท่าเดิมนั่นแหละนะ โลกก็ยังเท่าเดิมนั่นแหละ
แต่ว่าอาการทางใจนั่นน่ะที่มันสว่างขึ้น
ที่มันมีความตื่นตัว ที่มันมีความจัดจ้าขึ้นมาตามสภาพของปีติเนี่ย
แล้วในขณะที่เราได้ข่าวร้าย หรือว่ามีอาการช็อกนะ หุ้นตก
หรือว่าไม่ได้ของขวัญที่ต้องการอะไรแบบนี้นะ
แล้วมีความรู้สึกเหมือนกับโลกมันมืดลง
เหมือนกับสภาพภายในเนี่ยมันยุบตัวลงไป หรือหดตัวลงไป
อันนั้นก็เป็นสภาพที่จิตมีอาการหดแคบ หรือมีอาการมืดขึ้นมาชั่วคราว
ไม่แตกต่างจากตอนที่เรานั่งสมาธิสักเท่าไหร่

เพียงแต่ว่าในสภาวะของสมาธิเราเห็นชัด
แล้วจิตเนี่ยมันไม่มีเรื่องคิดอย่างอื่น
มันไม่ได้เห็นอะไรอย่างอื่น มันไม่ได้ยินอะไรอย่างอื่นนะ
สภาพมืดบ้างสว่างบ้างมันเลยปรากฏโดดเด่น
จนกระทั่งเรารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเรื่องน่ากลัว
จริงๆ แล้วถ้าเราเริ่มสังเกตจากตอนนั่งสมาธิก็ได้

เพราะว่าจิตในขณะนั่งสมาธิเนี่ย
ไม่ต้องไปเพ่ง ไม่ต้องไปเค้นอะไรมันมากเนี่ย
จะก็ปรากฏชัดให้เห็นชัดโดยตัวของมันเองอยู่แล้ว
ขอให้คิดเสียว่าการนั่งสมาธิคือการฝึกที่จะดูจิต
ฝึกที่จะเห็นสภาพทางใจที่มีอาการเป็นไปต่างๆ นานา

เดี๋ยวมืดบ้าง เดี๋ยวสว่างบ้าง เดี๋ยวมันก็มีอาการมัวมน เทาๆ นะ ไม่มืดไม่สว่าง

โดยทั่วไปเนี่ยถ้าหากยังมีคลื่นความคิดฟุ้งซ่านอยู่
ก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้สว่างชัดเจน ไม่ได้มืดชัดเจน มีแต่อาการมัวๆ นะ
เราก็ดูไปว่าสภาพจิตมันอยู่แบบไหน
พอต่อไปมีอาการมืดลงแบบเดียวกันอย่างนี้อีก
เราก็จะได้มีสติรับรู้นะว่า เออ อันนี้เป็นอาการมืดชนิดหนึ่ง
ไม่ตกใจ ไม่แปลกใจ เพราะว่าตั้งใจดูไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า
นั่งสมาธิเนี่ยเราจะไม่ได้เอาความสงบอย่างเดียว
แต่เราเอาอาการรับรู้ด้วยว่าสภาพทางใจมีความสว่างแค่ไหน มีความมืดแค่ไหน

ที่ตกใจก็เพราะว่าไม่ได้เตรียมใจ
จำไว้ดีๆ เลยนะ

ปรากฏการณ์ทางใจเนี่ยจะไม่ถูกเห็นเป็นเรื่องแปลก
เรื่องน่าประหลาด เรื่องน่าตกใจ

ถ้าหากว่าเราเตรียมใจไว้ล่วงหน้า
ว่าจะดูความเปลี่ยนแปลงมันไปเรื่อยๆ นะครับ

ไม่ต้องไปสงสัยนะว่ามันมีความพิสดาร
หรือว่ามีรายละเอียดในแต่ละครั้งที่ปรากฏอย่างไร
เราเอาแค่สภาพที่เตรียมไว้ในใจล่วงหน้าเนี่ย
ว่าสว่าง มืด หรือว่าเทาๆ นะครับ
เห็นมันโดยความเป็นของเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
แล้วก็จะมีแก่ใจที่จะไปสังเกตเอาในขณะที่ใช้ชีวิตประจำวันต่อไปด้วย