Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๓๐๔

dungtrin_cover

dungtrin_gru2a

 

 

 

อาหารกระป๋องต่างๆ ที่เคยนำไปไหว้บรรพบุรุษมาก่อน
สามารถนำไปใส่บาตรได้หรือไม่

ถาม – ของไหว้ที่หิ้งบรรพบุรุษ รวมทั้งของไหว้ในช่วงเทศกาลต่างๆ
เช่น น้ำผลไม้บรรจุขวดหรืออาหารกระป๋องที่มีคุณภาพสูงและหายาก
ถ้าจะนำมาใส่บาตรพระสงฆ์จะเหมาะสมไหมคะ
และหากเป็นของที่ไม่ใช่ของสดซึ่งพระสงฆ์ท่านได้สละแล้วจากการฉัน
ถ้าเราไม่รับประทานเอง จะสามารถยกให้ผู้อื่น
หรือเก็บไว้เพื่อใส่บาตรในวันต่อๆ ไปในสถานที่อื่นได้หรือไม่คะ

ตอบ - สมัยพุทธกาลเนี่ยนะ เล่าให้ฟังอย่างนี้ก็แล้วกัน
เคยมีนางทาสีคนหนึ่ง ทำงานทั้งวันทั้งคืน ต้องดูแลไฟอะไรให้เจ้านาย
คืนนั้นก็อยู่ทั้งคืน อยู่โยงทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้วก็หิวมากเลย
ตอนเช้าได้ปันส่วนจากโรงครัวมา เป็นข้าวกำมือหนึ่ง
ก็ตอนแรกก็ตั้งใจจะกินให้หายหิวเสียหน่อย
แต่บังเอิญว่าพอรุ่งเช้าขึ้นมา เห็นพระพุทธเจ้าเดินมาแต่ไกล
ก็เกิดมีใจนึกอยากจะถวายขึ้นมา
เพราะพิจารณาเห็นว่าชีวิตของตัวเองเนี่ยน่าจะด้อยวาสนา น่าจะไม่มีวาสนา
คงเคยทำบุญมาน้อย ถึงได้เกิดเป็นนางทาสี
ต้องคอยที่จะรับใช้คนร่ำคนรวยเขา

ก็เลยคิดว่ามีโอกาสดีแล้ว ได้ยินกิตติศัพท์ของพระพุทธเจ้ามานาน
เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นเนื้อนาบุญ เป็นแหล่งผลิตบุญโรงใหญ่
นางก็เลยเกิดความนึกอยากจะถวายนะ
ทีนี้คือนางก็นิมนต์พระพุทธเจ้า
แล้วก็ขอใส่บาตรด้วยข้าวแค่กำมือเดียวนั่นแหละ
แต่ว่าตอนแรกนางก็คิดว่า เอ ข้าวนี่มันสกปรก แล้วก็เป็นของต่ำต้อย
ได้ยินว่าพระพุทธเจ้าเนี่ยเสด็จบวชออกมาจากวงศ์กษัตริย์ เป็นถึงกษัตริย์
ไม่รู้ว่าจะฉันข้าวที่สกปรกของตัวเองหรือเปล่า
พระพุทธเจ้าท่านรู้วาระจิต ท่านก็เลยประทับนั่งแถวนั้นแหละ
แล้วก็ฉันให้ดูเลย นางก็ปลาบปลื้มมาก
แล้วก็ข้าวนั้นเนี่ยก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นข้าวที่มาจากกำลังใจอย่างใหญ่
คืออยากจะถวาย ใจเนี่ยไม่มีอะไรหรอก คือของกินได้น่ะนะ
ก็เห็นว่าของของตนเนี่ยนะ ถึงแม้ว่าจะสกปรกแต่ก็อยากถวาย
ด้วยความอยากถวายนั้นน่ะ ก็เป็นบุญมหาศาลแล้ว

เวลาที่จะถวายอะไรเนี่ย
ขอให้มองอย่างนี้ก็แล้วกันว่าเราอยากถวายแค่ไหน
เราอยากที่จะใส่บาตรแค่ไหนนะ เราอยากที่จะทำบุญแค่ไหน

ถ้าหากว่าความอยากเต็มเปี่ยมนะ ต่อให้เป็นของผิดพระวินัย
คือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรา
เดี๋ยวพระท่านเอาทิ้งไปเอง แต่ท่านก็จะรับนะครับ
ตามวินัยคือท่านรับของมา ท่านต้องพิจารณาของท่านเอง
ว่าของนี้ควรฉันหรือเปล่า ของนี้ฉันได้หรือเปล่านะ
ท่านจะมีวิจารณญาณของท่านเองนะครับ
ในส่วนของเราเนี่ย เรามีแค่เจตนาที่จะถวายของ
ถวายอาหาร ถวายภัตตาหารให้ท่านมีกำลังวังชา
แค่นี้เนี่ยเป็นบุญอย่างใหญ่แล้วนะครับ

ทีนี้เรื่องของถูกหรือไม่ถูก สดหรือไม่สด
อันนี้ถ้าหากว่าเรามีความรู้ขึ้นมามากกว่าตาสีตาสา
ที่บางทีเขาอาจจะไม่มีโอกาสมาไถ่ถามพระ หรือว่ามาศึกษาพระวินัย
อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เราได้เปรียบในการทำบุญ
คือทำบุญอย่างถูกต้อง
ทั้งในแง่ของการได้มาซึ่งทรัพย์อันถูกต้องบริสุทธิ์
ตัวเราบริสุทธิ์ มีเจตนาบริสุทธิ์
แล้วก็เวลาที่ถวาย เราก็จะถวายด้วยความรู้ว่าอันนี้ควรหรือไม่ควร
อันนี้ก็เป็นเรื่องของบุญต่อยอดขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง

แต่ขอให้ไม่ต้องไปกังวลอะไรมาก ถ้าของยังไม่เสีย
หรือว่าเรารู้อยู่เนี่ย อันนี้มันยังไม่เน่าไม่บูดเนี่ย ไม่เป็นไรหรอก
เพราะของเนี่ยนะ ตราบใดถ้ายังล่วงผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะอาหาร
แล้วก็สามารถจะเป็นพลังงานให้แก่พระสงฆ์องค์เจ้าได้นะ
ของนั้นเป็นกำลังบุญของเราเสมอนะครับ
เป็นสิ่งที่สะอาดสำหรับเราเสมอ
เป็นสิ่งที่ยังไม่บูดไม่เน่าไม่เสียสำหรับเราเสมอนะครับ