Print

ดังตฤณ วิสัชชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๘๕

dungtrin_cover

 ดังตฤณ วิสัชชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๘๕dungtrin_gru2a

 

 

มีเสียงเพลงอยู่ในหัวตลอดเวลาขณะกำลังทำสมาธิ ควรทำอย่างไร

 

ถาม – ขณะที่ผมกำลังทำสมาธิ รวมทั้งในเวลานอน หรือว่าอยู่เฉยๆ ก็ตาม
แต่กลับมีเสียงเพลงอยู่ในหัวตลอดเวลา แบบนี้ควรทำอย่างไรดีครับ

ตอบ – คำถามทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยมากนะ
ในหมู่คนที่อยากเจริญสติในเมืองนะครับ
ชอบมีเสียงในหัว ชอบมีเพลงนู้นเพลงนี้
บางทีเป็นเพลงที่ไม่ชอบด้วยนะ คือถ้าเพลงที่ชอบนี่ก็ยังว่าไปอย่าง
แต่บางเพลงเนี่ยไม่ชอบเลย แล้วก็ด่าเขาด้วย
ได้ยินจากรถไฟฟ้าบ้าง หรือว่าได้ยินจากรถเมล์บ้าง หรือว่าใครเขาเปิด
แล้วเสร็จแล้วความไม่ชอบนั่นแหละ มันฝังใจ
กลายเป็นว่ามีเสียงเพลงที่เราไม่ชอบ รีเพลย์อยู่ในหัวตลอดเวลา
จนกระทั่งเกิดความอึดอัด
แม้กระทั่งคนที่ชอบฟังเพลง บางทีก็มีนะ ประมาณนี้แหละว่า
เพลงที่เราอุตส่าห์ชอบเนี่ย ไม่ยักกะมาเปิดในหัว
แต่ไปเปิดเพลงที่มันแย่ๆ อย่างกับว่าเอาสังกะสีนี่มาเสียดกันอยู่ในหัวนะ
มันรู้สึกทรมานใจ มันรู้สึกไม่ชอบใจเลย
ว่าเสียงนี้มันเข้ามาอยู่ในหัวแล้วแกะไม่ออก

วิธีง่ายๆ คำตอบนะ เราต้องทำความเข้าใจก่อน
ในธรรมชาติของจิตเนี่ยนะ มีการอธิบายไว้ว่า
ก่อนที่จะเกิดความจำได้ มันมีความรู้สึกนำมาก่อน
อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ
บางทีเราไม่ได้ชอบ เราเกลียดด้วยซ้ำบางเพลงเนี่ย
แต่ความเกลียดนั้นน่ะ ความรู้สึกแบบนั้นน่ะ มันเป็นทุกข์
มันเป็นทุกข์มาก มันเป็นทุกข์ที่ชัดเจนมาก
ยิ่งความรู้สึกเป็นทุกข์หรือเป็นสุขชัดเจนเท่าไหร่
นั่นแหละเป็นหัวขบวนนำความทรงจำที่จะปักเข้ามาในจิตนะครับ

อย่างบางเพลงเนี่ยคือบางทีเราไม่ได้ชอบมาก
หรือรู้สึกว่าไม่ได้ชอบมากหรือว่าเกลียดชังอะไร เฉยๆ
แต่ว่ามันมีความรู้สึกที่ชัดเจน มันมีความรู้สึกที่เด่นขึ้นมา
บางเพลงเนี่ยอาจจะแหวกแนว บางเพลงเราไม่เคยได้ยินมาก่อน
หรือว่ามันไปเตือนให้เรานึกถึงเพลงที่เคยฟังตั้งแต่ครั้งเด็กๆ
หรือว่าครั้งที่แรกรัก หรือว่ากำลังตกหลุมรักใคร อะไรต่างๆ เนี่ยนะ
จะเป็นความรู้สึกอะไรก็แล้วแต่
ขอเพียงว่ามันมีความทุกข์ความสุขแจ่มชัดมากพอนะ

มันจะเป็นหัวขบวนนำความทรงจำนั้นมาปักเข้าไปในใจเรา
นี่เรียกว่าอธิบายตามหลักของขันธ์ ๕ นะ

วิธีที่จะแก้เนี่ย ถ้าอยากจะถอนเสียงเหล่านั้นออกจากหัวเนี่ยนะ
ประการแรกเลย เราต้องเข้าใจว่า
ถ้าเรายิ่งอยากจะถอนมากเท่าไหร่ มันยิ่งมีความรู้สึกทรมาน
ความรู้สึกทรมานนั่นแหละ
จะไปตอกย้ำเอาความจำให้ปักลึกแน่นลงไปอีก
นี่ไม่ใช่กรณีเฉพาะของเสียงเพลงนะ
ในทุกเรื่องทุกราวเลย จะเป็นความรัก จะเป็นความจำที่เศร้าโศก
อะไรทั้งหลายแหล่ที่บรรดามีในโลกนี้เนี่ย
ถ้าเรายิ่งอยากจะให้มันถอนออกไป ยิ่งไปสร้างความทรมานใจให้ตัวเอง
ความทรมานใจนั่นแหละ คือความทุกข์ที่ชัดเจนมาก

แล้วมันก็จะยิ่งย้ำ ตอกย้ำเข้าไปใหญ่ว่า
เออ สิ่งที่เราจำนั่นน่ะ มันเหมือนกับยิ่งปรากฏชัดมากขึ้นๆ มากขึ้นๆ
พูดง่ายๆ ว่าไปให้อาหารหล่อเลี้ยงมันนั่นแหละ

ทางที่ถูกต้องนะครับ ต้องยอมรับตามจริงในแต่ละขณะ
ว่ามันเกิดขึ้นอีกแล้วในหัวเรา

อย่าไปพยายามที่จะผลักไส หรือว่าอยากจะให้มันหายไปชั่วนิจนิรันดร์
เพราะความอยากแบบนั้น มันจะยิ่งย้ำเข้า
ถ้าหากว่าแต่ละครั้งที่เสียงเพลงในหัวเกิดขึ้น
แล้วคุณยอมรับตามจริงว่าเอาอีกแล้ว มันเกิดขึ้นอีกแล้ว
แล้วคุณก็ไม่พยายามผลักไสมันด้วย
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อมา คือความสามารถรับรู้ตามจริง

ว่าเสียงเพลงมันอยู่ได้เดี๋ยวเดียว แป๊บหนึ่ง เดี๋ยวมันก็หายไป

ครั้งแรกที่คุณทำได้ คุณจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่า
เออ ดีแฮะ ไม่ต้องพยายามอะไรนี่ ไม่เห็นต้องทรมานอะไรมาก
เหมือนกับตอนที่เราอยากให้มันหายไปเลย

แต่ถ้าหากว่าคุณสามารถจดจำวิธีการตรงนี้นะ
จำลักษณะจิตใจที่รู้เฉยๆ ได้
ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่ไปพยายามผลักไส
ไม่ไปพยายามหล่อเลี้ยง ไม่ไปพยายามด่ามัน
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้มันเกิดอาการตอกย้ำอย่างนั้น
ในที่สุดแล้วเนี่ย พอทำบ่อยๆ บ่อยๆ เข้า ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่
คุณจะมีความรู้สึกว่าจิตเนี่ยมันมีแต่อาการรับรู้
มันไม่มีอาการที่จะอยากให้หายไป
หรือว่ามีความรู้สึกแย่ๆใดๆ เกิดขึ้นมาเลย
มันมีแต่ความรู้สึกว่างเปล่า ว่างเปล่ากับสิ่งที่เราไม่ชอบนั่นแหละ
เมื่อว่างเปล่ากับสิ่งที่เราไม่ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ
ความว่างนั้นจะมาแทนเสียงเพลงนั้นไปเอง
เพราะว่าทุกครั้งที่เกิดขึ้น
มันจะนำความว่าง ความรู้สึกว่าว่างมาสู่ใจเรา
ไม่ใช่นำความรู้สึกแย่ๆ มาสู่ใจเรานะครับ

หรือถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่คุณรู้สึกเฉยๆ ตั้งแต่แรกก็ตาม
แต่ติดรำคาญหน่อยๆ
คุณก็จะรู้สึกว่าความรำคาญนั้นน่ะ มันพลอยถูกรู้ไปด้วยนะ
ถูกรู้ว่า เออ ถ้ามีความรำคาญแล้วเรายอมรับตามจริง
ว่ามันเกิดความรำคาญขึ้นมา
ไม่เห็นต้องทำอะไรไปมากกว่ายอมรับตามจริง
อาการยอมรับตามจริงนั้น จะเป็นความสามารถที่จะเห็น
ว่าความรำคาญมันอยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวมันก็หายไปนะครับ
ไม่แตกต่างอะไรกับลมหายใจ ที่เดี๋ยวต้องเข้ามา เดี๋ยวต้องออกไป

นี่แหละนะ แล้วคุณก็สามารถที่จะไปสังเกตต่อได้ด้วย
ว่าหลังจากที่อารมณ์แย่ๆ อารมณ์ที่เป็นลบ
หรือว่าเสียงเพลงที่คุณไม่ชอบ มันหายไปจากหัวนะ
มันมีแต่ความรู้ มันมีแต่ความว่าง มันมีแต่สติปรากฏอยู่นะครับ
แล้วก็สตินั้นน่ะ ลองเอาไปใช้รู้ลมหายใจดูนะครับว่า
ไม่แตกต่างจากเสียงเพลงนะ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
แล้วก็ไม่แตกต่างจากสรรพสิ่งทั้งหลายภายนอก
ที่เกิดขึ้น แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา