Print

ดังตฤณ วิสัชชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๘๒

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

 

 

ทำทานอย่างไรจึงจะลดความตระหนี่ลงได้

ถาม – ถ้าคุณดังตฤณมีเงินใส่บาตร ๗๐๐ บาทต่อสัปดาห์ คุณจะเลือกข้อไหน
หนึ่ง ใส่บาตรพระทั่วไปวันละ ๑๐๐ บาท
สอง ใส่บาตรพระป่าหนึ่งครั้ง ๗๐๐ บาท
สมมติให้โอกาสเจอพระป่าแค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์

ตอบ - พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุญที่ควรทำ บุญที่จะได้ผลใหญ่
บุญที่จะทำให้เกิดการลดความตระหนี่ลงได้
ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของการทำทาน
คือทำเมื่อมีโอกาส ทำเมื่อมีความเลื่อมใสที่จะทำ

หมายความว่ามีความปลื้ม มีความอยากอนุเคราะห์
มีความอยากช่วยเหลือคนจริงๆ นะ ไม่ใช่อยากได้บุญ
เพราะว่าการทำทานด้วยความอยากได้บุญเนี่ย
มันไม่ใช่การลดความตระหนี่ มันไม่ถูกจุดประสงค์
มันเป็นการที่เราตั้งใจลงทุนนะครับ
ซึ่งได้ผลนะไม่ใช่ไม่ได้ผลเลย

พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่าสมมติว่าเราแบ่งสวรรค์ออกเป็นสองชั้นนะ
ถ้าหากว่าใครทำทานด้วยความคิดผูกพัน ด้วยความหวังอยากจะได้ผล
ก็ไปอยู่ เป็นสหายแห่งจาตุมหาราชิกานะครับ
คือเทวดาชั้นจาตุ ชั้นต้น ชั้นต่ำสุด
แต่ถ้าหากว่าใครทำด้วยใจเลื่อมใส ด้วยใจคิดอยากอนุเคราะห์จริงๆ
ไม่มีความผูกพัน ไม่มีความคาดหวังกับผลของการให้ทาน
อย่างนั้นได้ไปอยู่ชั้นดาวดึงส์
นี่เรียกว่าถ้าหากว่าตายกันทันทีหลังจากทำทานเสร็จ
คนที่ไม่คาดหวังผลเนี่ยจะได้ไปอยู่ชั้นดาวดึงส์

ทีนี้คำถาม ผมไม่เลือกทั้งสองข้อ
เพราะว่ามันไม่ใช่นิสัยในการทำทานแบบของผมนะ
บอกว่าใส่บาตรพระทั่วไปวันละร้อยบาทเนี่ย ผมก็ไม่ใส่อยู่แล้ว
คือไม่เคยใส่เงินถวายพระ เท่าที่จำได้นะ จะไม่เคยใส่บาตรด้วยเงินเลย
แต่เคยถวายเป็นปัจจัยเพื่อที่จะทำนุบำรุง
หรือว่าปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่คนจะได้กราบไหว้กันเยอะๆ ด้วยความเลื่อมใส ด้วยความเคารพศรัทธา
หรือไม่ก็บริจาคประมาณว่าค่าน้ำค่าไฟ
อันนี้ค่าน้ำค่าไฟนี้จะประจำเลย ไปวัดที่ไหนเนี่ย ถ้าไม่ลืมก็มักจะหยอด
ถึงแม้ว่าจะไปทำสังฆทานอยู่แล้วก็มักจะหยอดเป็นเงินลงไป

แล้วก็ในแง่ที่ว่าสมมติผมมีเจ็ดร้อยบาท
พูดง่ายๆ ว่าถ้ามีงบในการทำบุอยู่เจ็ดร้อยบาทจะทำแบบไหนนะ
ถ้าสมมติว่ามีอยู่เป็นเงินจำกัดที่จะทำบุญเนี่ยนะ
คือเอาอย่างนี้ เมื่อสักประมาณสิบห้าปีที่แล้วเนี่ย
ผมแทบไม่มีเงินทำบุญเลย
ก็จะทำในลักษณะของการให้ทาน
แล้วก็จะในลักษณะถวายหนังสือพระนะ
แล้วก็จะมี ช่วงแรกที่ทำงานเลยนะ ตอนมีเงินเดือนของตัวเองเนี่ย
ผมจะให้เงินคิดเป็นประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์
สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน เป็นประจำทุกเดือน
จะเอาไปซื้อของสังฆทานไปถวายนะครับ

แล้วนอกนั้นก็จะเหมือนกับให้ทานกับขอทานเมื่อเห็นนะ
โดยเฉพาะขอทานที่ดูน่าสงสาร หรือว่าคนขายลอตเตอรี่
ผมไม่เคยหวังว่าซื้อลอตเตอรี่จะถูกนะ
แม้แต่ทุกวันนี้ก็มีบางครั้งที่ว่า
คนแก่หรือว่าเด็กที่ดูน่าสงสารเข้ามาขายเนี่ยก็จะซื้อไว้
ซื้อไว้ด้วยความคิดว่าจะช่วยเขา
แต่รู้ตัวว่าไม่ใช่คนที่มีดวงเกี่ยวกับเรื่องลอตเตอรี่
เพราะไม่เคยถูกเลยในชีวิต
คือคนเราพอรู้ตัวน่ะว่าไม่มีโอกาสที่จะมีดวงเรื่องพวกนี้เนี่ย
เวลาซื้อก็จะมีเหตุผลเดียวคือสงสารคนขาย ก็จะเป็นแบบนั้น

คือถ้าสมมติว่ามีเงินอยู่เป็นจำนวนแน่นอน มีงบอยู่แน่นอน
ในอดีตก็เคยทำเดือนละครั้งนะ
เดือนละครั้งเมื่อเงินเดือนออกนะครับ
ก็จะทำเป็นสังฆทานชุดใหญ่เลยทีเดียว
แต่จะเจออะไรที่ไหนที่เห็นว่าน่าทำ ก็ทำด้วยความเลื่อมใส
ทำด้วยความปลื้ม ทำด้วยความรู้สึกว่าอยากอนุเคราะห์
ไม่ได้ทำด้วยเจตนาอย่างอื่นนะครับ