Print

ดังตฤณวิสัชชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๗๙

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

 

 

 

คบหากันมาหลายปี แต่อีกฝ่ายไม่เคยยอมรับว่าเป็นคนรัก ควรทำอย่างไร

ถาม – ผมคบหากับผู้หญิงคนหนึ่งมาหลายปี และคิดว่าน่าจะมีกรรมสัมพันธ์กันมา
แต่ก็เหมือนคบกันแบบกั๊กๆ เพราะเธอไม่เคยยอมรับว่าเราเป็นคนรักกัน
ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่รู้ว่าเธอไปเขียนข้อความชมคนโน้นคนนี้
หรือบอกใครว่ายังโสด หรือพูดว่าระหว่างเราเป็นแค่พี่น้อง
ทั้งที่เวลาอยู่ด้วยกันสองคนเธอก็ทำตัวเป็นเจ้าของ
แต่ก็ยังทำเหมือนผมเป็นได้แค่เงาในชีวิต ไม่มีทางเป็นตัวจริง
แบบนี้เพราะผมเคยทำกรรมไม่ดีมาก่อนใช่ไหมครับ แล้วจะมีทางแก้ได้บ้างไหม

 

ตอบ - อันนี้รูปแบบความสัมพันธ์ก็คือ ไม่ใช่แฟนแต่เกินเพื่อนนะ
ซึ่งสมัยนี้นิยมกันมากเลย ไม่ทราบว่าเริ่มมาเมื่อไหร่ ปีไหนนะครับ
การที่เราไปเจอใครที่เราอยากจะปักใจกับเขา
แล้วก็รู้สึกว่าเราทุ่มเท เราจริงใจ เราให้ความจริงจังนะครับ
คิดถึงอนาคตยาวๆ คิดถึงความสุขความสมบูรณ์ในชีวิตคู่นะครับ
ก็สื่อนะครับว่าเรา ตัวเราเนี่ยเป็นฝ่ายหลงเขามาก ติดใจเขามาก
หรือว่ามีความหวังกับเขามาก

แต่การที่เขาทำตัวแบบหนึ่ง
ที่จะว่าใช่ก็ไม่เต็มปาก จะว่าไม่ใช่ มันก็ไม่เชิงเนี่ยนะ
อันนั้นก็แสดงว่าใจของเขาไม่ได้เล็งอยู่ที่เราเต็มที่ ยังไม่ได้ติดใจเราเต็มที่
อันนี้ต้องยอมรับตามจริงตรงนี้ให้ได้ก่อน
อย่าไปคิดเรื่องกรรมเก่าหรือว่าเคยไปทำอะไรมานะ
มองตรงนี้ให้ออกก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขาเนี่ย
เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

การที่เราจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบใคร
ถ้าพูดในแง่ของกรรมสัมพันธ์เนี่ยนะ
มันเคยทำกันมาไว้จริงๆ ว่าเขาเคยให้เรามากกว่าที่เราให้เขา

นี่ยังไม่ได้พูดในแง่เรื่องความเป็นคนรัก หรือว่าเป็นเพื่อน เป็นอะไรทั้งสิ้นนะ
พูดถึงเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบเนี่ย
พูดง่ายๆ เขาเคยให้เรามามากกว่าที่เราให้เขา
เขาเคยทำให้เราเนี่ยมีความรู้สึกดี อาจจะมีความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ
หรือว่าอาจจะมีความรู้สึกเหมือนกับพิศวาสเสน่หา อะไรอย่างไรก็แล้วแต่เนี่ยนะ
เขาให้อะไรบางอย่างมามากกว่าที่เราให้เขา
เราจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หรือเป็นเบี้ยล่างเขา เมื่อกรรมเผล็ดผล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความรู้สึกเนี่ยนะ มันชัดๆ เลย

บางคนเนี่ยขอให้สังเกตเถอะ
พูดเรื่องไกลจากความรักไปมันอาจจะทำให้เห็นได้ชัดหน่อย
อย่างบางทีเราคบกับใครแบบเพื่อนนะ
แต่จะมีความรู้สึกอยู่ว่าไม่เท่ากัน
มันเหมือนกับว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายไปพึ่งพาเขา
หรือว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายให้เขาเนี่ยมาดูแล
หรือว่าให้เขามาเทคแคร์เรามากกว่า
หรือว่าเราเป็นฝ่ายที่จะต้องเรียกร้องความเห็นใจจากเขา
มากกว่าที่เขาจะมาเอาอะไรจากเรานะ
ความรู้สึกที่ว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายที่ให้เรามากกว่าเนี่ย
ตรงนั้นมันเรียบร้อยแล้วนะครับ
ไปจัดการกับความรู้สึกในใจของเราเรียบร้อยแล้วว่าเขาเหนือกว่า
หรือว่าเขามีอิทธิพลกับเรา มากกว่าที่เราจะมีอิทธิพลกับเขา
อันนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายๆ ในชาติปัจจุบันเลย

นี่ก็เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าเราเป็นผู้ชายนะครับ
แล้วเราไม่สามารถที่จะให้ความรู้สึกว่าเราเหนือกว่าเขาได้ หรือว่าเราได้เปรียบเขา
เรามีมือที่เหนือกว่านะ ที่จะยื่นให้เขาซึ่งเป็นมือที่อยู่ข้างล่างแล้วก็รอรับ
ถ้าหากว่าเราให้ความรู้สึกอย่างนั้นกับเขาไม่ได้
เขาจะไม่เกิดความรู้สึกชัดเจนกับเราขึ้นมานะ
นี่คือพูดเรื่องธรรมชาติของความรู้สึกกันก่อนเลย
อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องกรรม เรื่องวิบากอะไรกันนะ

ถ้าหากว่าเราจะเป็นความอบอุ่นใจให้เขา
แล้วก็ทำให้เขารู้สึกว่าเราใช่จริงๆ หยุดอยู่ที่เราคนสุดท้ายจริงๆ เนี่ย
ประการแรกเลยคือ เราต้องไม่เรียกร้อง ไม่พยายามที่จะไปจี้เขา
หรือว่าแสดงให้เขาเห็นว่าเราเนี่ยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ถ้าหากว่าเราเป็นฝ่ายด้อยกว่าเมื่อไหร่ในความรู้สึกเขาเนี่ย
เขาจะรู้สึกว่าเรายังไม่ใช่ทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าเราเป็นผู้ชายนะครับ เราเป็นเพศชาย
นี่พูดกันง่ายๆ ให้เข้าใจกันชัดๆ นะ ในเวลาที่จำกัดแบบนี้

การที่เขาจะกั๊กหรือไม่กั๊กอะไรเนี่ยนะ ขอให้มองแบบนี้ก่อน มองแบบแฟร์ๆ
ผมไม่ได้พูดรายละเอียดนะว่าใครถูกใครผิด
แต่มองแบบแฟร์ๆ อย่างนี้ก่อนว่า
การที่เขาจะกั๊กหรือไม่กั๊กเนี่ย มันเป็นสิทธิ์ของคนที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
แต่การที่เขามาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
ในแบบที่ว่าอยู่กันสองคนแล้วรู้กันว่า
ห้ามเธอไปทำอะไรนอกลู่นอกทางจากที่ฉันกะเกณฑ์ไว้นะ
อย่างนี้เนี่ยนะ มันเป็นเรื่องที่ไม่สมดุลกัน
มันเป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้อยู่ว่าเราตกอยู่ในฐานะของเบี้ยล่าง
เพราะฉะนั้นก็มีวิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองนะครับ
คืออย่าไปคาดหวังมาก ถ้าหากคาดหวังมากเนี่ยนะ
แล้วเราพยายามไปเรียกร้องมาก
อย่างไรๆ เราก็ต้องเสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ

แล้วความรู้สึกของเขาก็จะไม่มีวันที่จะเท่าเรา หรือว่าเห็นเราเหนือกว่าอย่างเด็ดขาด

อันนี้ขอตอบเป็นหลักการไว้ก่อนก็แล้วกัน
เรื่องของกรรมวิบากเนี่ยนะ
ก็คิดง่ายๆ ว่าเขาคงเคยให้เรามามากกว่า หรือเขาอาจจะทำอะไรมามากกว่าเรา
ที่อย่างน้อย ณ เวลาเจอกันเนี่ยนะ มันทำให้เขามีเสน่ห์หรือว่ามีความน่าติดใจ
มากกว่าที่เขาจะมาติดใจเรานะครับ มองอย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน