Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๘๓

ถาม - คนที่เป็นโรคทางจิตแล้วซึมเศร้าจนกระทั่งฆ่าตัวตายไป
เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?และเราสามารถทำอะไรที่จะเป็นการช่วยเขาได้บ้างไหมคะ

dungtrin_gru2ผมมักเปรียบเทียบจิตของคนฆ่าตัวตายว่าเหมือนคนกำลังฝันร้าย
เพราะเกือบร้อยทั้งร้อย จิตจะตีบตัน เป็นทุกข์อึดอัด มืดมนวนเวียนอยู่ไม่เลิก

การฆ่าตัวตายแบบที่ดีๆหน่อย ต้องไม่เครียดจัด
จิตหลังตายจะดีกว่าคนฝันร้ายหน่อยหนึ่ง
คือมีความรู้ตัวว่าตายแล้ว แต่จะเศร้าเหงา และไปไหนไม่ได้เหมือนกัน

การฆ่าตัวตายแบบเกรดเอ คือไม่คิด ทำลายชีวิต ตนเองหนีทุกข์
แต่ สละชีวิต ตนเองเพื่อคนอื่น
อย่างเช่นครั้งเมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นฤาษี
เห็นเสือหิวกำลังจะกินลูกตัวเอง ก็กระโดดเหวลงไปให้เสือกินแทน
จิตยังมีสติสมบูรณ์ อีกทั้งคุณภาพจิตก็เลิศเลอ เพราะถูกปรุงด้วยมหากรุณา
ครั้งนั้นเมื่อท่านสิ้นชีวิตก็จุติไปบังเกิดเป็นพระพรหมองค์หนึ่ง

สำหรับคนเป็นโรคจิต ซึมเศร้า กระทั่งทนมีชีวิตต่อไม่ไหว ต้องฆ่าตัวตายนั้น
ร้อยทั้งร้อยจะอยู่กลุ่มแรก จิตหนัก อึดอัด หม่นมืด
มีความคิดวกวน ยากจะรู้สึกตัว
ยากจะมีแสงกุศลชำแรกผ่านกำแพงหนาหนักเข้าไปปลุกจิตเขาให้ออกจากวังวน
ต้องหาคนที่มีกำลังสมาธิ กำลังเมตตาอย่างน้อยก็เป็นอุปจารสมาธิได้ปกติ
ระลึกถึงวิญญาณนั้นด้วยจิตที่แน่วแน่
ว่าจะฉายแสงละลายความมืดบอดทึบตันของเขา
กระทั่งความบอด ความตันนั้นสลายลง
จากนั้นจึงอุทิศส่วนกุศล ที่ทำได้ผลจริงคือต้องคุยกับวิญญาณด้วยภาษาจิตได้
คือเหนี่ยวนำให้เขาเห็นนิมิตกองกุศลภาพใดภาพหนึ่ง
ให้เขาเกิดจิตเลื่อมใส และนึกอนุโมทนา
อย่างนั้นวิญญาณจึงจะเคลื่อนจากภพต่ำที่ติดอยู่หลังความตายได้

ถ้าคุณรักผู้ตายมาก
ก็น่าจะอุทิศตน ทำบุญสุนทานมากๆ
ทำจิตเราให้ผ่องใสก่อน ฝึกนั่งสมาธิ แผ่เมตตา ให้เป็นด้วยตนเอง
เพราะคนรู้จักหรือญาติสนิทจะมีสื่อทางจิตกับผู้ตายอยู่โดยธรรมชาติ
หากทำจิตได้นิ่งดีๆแล้วนึกถึงเขา
ก็สามารถรับทราบได้ว่าจิตเขากำลังหนักหรือว่าเบา กำลังสุขหรือว่าทุกข์
หากเราจับกระแสความทุกข์ของเขาได้ และละลายความทุกข์ของเขา
วันละนิด วันละหน่อย แผ่เมตตาให้ทุกวัน
อย่างช้าสามเดือนเขาน่าจะปลอดโปร่งและมีสติขึ้น
(หากมีกำลังระดับฌาน เพียงแผ่ให้แค่ชั่วไม่กี่อึดใจก็อาจปลุกสติเขาได้
เพราะฌานมีความสว่างและกำลังแรง
แต่โดยทั่วไปต้องใช้วิธีเหยาะน้ำให้หินกร่อน)
พอเขามีสติดีขึ้น สำรวจจากใจเรา
เมื่อระลึกถึงเขาจะโปร่ง สบาย คลายความอึดอัด
ตรงนั้นก็สามารถอุทิศส่วนกุศลให้ได้อนุโมทนาตามจริง
ถ้านึกนิมิตไม่เป็น ก็อาจใช้วิธีพูดอย่างหนักแน่น ว่าด้วยบุญที่ไปทำมาในวันนี้
(ทำอะไร ทำกับใคร ที่ไหน)
ขอให้เขาได้รับส่วนนี้ ด้วยจิตที่ปลาบปลื้ม ผ่องแผ้วในกุศลธรรมนั้นเถิด

หากไม่เพียรพอจะทำสมาธิ ก็หมั่นทำทาน รักษาศีลมากๆ
แล้วใช้ความสะอาดของใจในขณะรู้สึกตั้งมั่นในบุญ
ค่อยๆแผ่ให้เขาวันละเล็กวันละน้อยก็อาจได้ผลเหมือนกันครับ แต่อาจนานหน่อย
และโดยมากจะจับความรู้สึกของเขาได้แบบลมๆแล้งๆเหมือนเราอุปาทานไปเอง

สรุปคือถ้าช่วยได้ ก็อย่าให้เขาฆ่าตัวตายเลยครับ
ช่วยก่อนฆ่าตัวตายนั้นง่ายและได้ผลจริงกว่ากันเยอะ
ขอให้ทุกคนรักษาจิตรักษาใจกันดีๆเถอะครับ
ช่วงนี้มีกระแสดึงให้คิดอยากฆ่าตัวตายค่อนข้างแรง
ทำจิตเป็นบุญ เป็นกุศล มีความผ่องแผ้ว อย่างน้อยในทานในศีล
ก็เป็นเกราะคุ้มกันจากกระแสความหดหู่ ท้อแท้ ไม่อยากมีชีวิตได้ชะงัดแล้ว

ดังตฤณ


?

?