Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๖๖

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

 

 

 

พระพุทธเจ้ามีมาแล้วทั้งหมดกี่พระองค์

ถาม – พระพุทธเจ้ามีมาแล้วทั้งหมดกี่พระองค์
และในอนาคตจะมีพระพุทธเจ้าอีกหรือไม่ครับ

ตอบ – ในกัปนี้กัลป์นี้มีทั้งหมดมา ๔ พระองค์
แต่ว่าถ้าจะนับกันแบบให้ถ้วนจริงๆ คงไม่ได้
พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า
ผู้ที่เคยบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า
คือถ้าจะนับเนี่ยคงนับไม่ถ้วน
เพราะมีปริมาณมากเท่ากับเมล็ดทรายในท้องสมุทร

ก็ลองนึกดูว่ามหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด
แล้วถ้าเราจะนับเม็ดทรายที่อยู่ในท้องมหาสมุทรจะถ้วนถี่ไหม จะไหวไหมนะครับ
ท่านเปรียบไว้อย่างนั้น

ก็ทำความเข้าใจกันว่าการเป็นพระพุทธเจ้า
หมายถึงการที่มีใครสักคนหนึ่งทำกรรรมบนเส้นทางของพุทธภูมินะครับ
หมายความว่าได้เคยพบ ได้เคยกราบพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
แล้วเกิดแรงบันดาลใจ อยากที่จะรื้อขนสัตว์จากสังสารวัฏไปสู่นิพพาน
เหมือนกับพระพุทธเจ้าที่ท่านพบนะครับ
ก็ปรารถนาที่จะได้สำเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณบ้าง
สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งบ้าง
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียรเป็นอนันตชาติ
หมายความว่านับชาติไม่ถ้วนว่าเท่าไหร่
ต้องเวียนว่ายตายเกิดนะ เป็นสิ่งมีชีวิตแทบจะครบทุกภพทุกภูมิ
ไม่ว่าจะเป็นพระพรหม เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ หรือว่าต่ำกว่าความเป็นมนุษย์
นี่ก็เรียกว่าต้องเคยผ่านมากันหมดแล้ว
เพราะว่าในสังสารวัฏนี้ พระพุทธเจ้าตรัสนะ
ว่าท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เนี่ย
โอกาสที่จะรอดพ้นจากอบายภูมิมันเป็นไปไม่ได้นะครับ

ก็เหมือนกับใครสักคนหนึ่งมีน้ำใจเสียสละ
รู้ทั้งรู้ว่าบำเพ็ญเพียรอยู่บนเส้นทางของพุทธภูมิแล้ว
อาจจะต้องร่วงหล่นลงไปสู่อบายภูมิก็ยอม
เพราะรักในพระโพธิญาณ รักในพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำได้แบบพระพุทธเจ้าบ้าง
เพราะฉะนั้นการจะนับว่ามีใครมีสิทธิ์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าบ้างเนี่ย นับไม่ได้

พระพุทธเจ้าเคยเปรียบเทียบไว้ว่า
เปรียบเหมือนกับน้ำสระ น้ำทั้งบ่อเลย
แต่ผู้ที่จะสำเร็จได้จริง คือไปถึงได้จริง ไม่ท้อเสียก่อน
ไม่ถอนพุทธภูมิเสียก่อนเนี่ย
มีปริมาณได้แค่หนึ่งหยดหรือว่าน้ำหนึ่งแก้ว อะไรประมาณนั้น
นี่ก็เคยมีการเปรียบเทียบไว้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นพุทธพจน์หรือเปล่า
แต่ว่าอันนี้ก็มีคนเคยเปรียบเทียบไว้นะครับ
เอาเป็นว่าเคยมีการเปรียบเทียบไว้ ประมาณนั้น
ว่าการถึงซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ไม่ใช่ของง่าย
อาจจะเอาเป็นว่าเคยมีคนเปรียบเทียบไว้ก็แล้วกัน
ผมบอกไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่าใช่พุทธพจน์หรือเปล่า
แต่ก็คือเราก็สามารถเห็นได้แหละว่ามันยากขนาดไหน
ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดแบบไม่รู้

คือไม่ใช่ว่าพอปรารถนาพุทธภูมิไปแล้วเนี่ย
จะจำได้ไปทุกภพทุกชาตินะ
แม้แต่พระพุทธเจ้าของเรานะครับ พระโคดมนี้
ท่านเคยพบ สมัยที่ท่านปรารถนาพุทธภูมิเป็นครั้งแรกเนี่ย
นานมาแล้ว สี่อสงไขยแสนมหากัปนะครับ
แล้วหลังจากที่ท่านเวียนว่ายตายเกิดไป
ท่านก็ลืมว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ เคยปรารถนาพุทธภูมิไว้ก่อน
เคยพบพระพุทธเจ้า ก็เคยปรามาสพระพุทธเจ้านะ อย่างนี้ก็มี
ก่อนที่จะกลับลำนับถือท่านใหม่ นับถือพระพุทธเจ้า
ซึ่งมีพระญาณมีความสามารถที่จะทำให้เชื่อได้โดยไม่ยากนะครับ

ถ้าหากว่าอยู่บนเส้นทางพุทธภูมิเป็นพระโพธิสัตว์
ก็จะรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเนี่ยอันนี้ของจริง
พอฟังเทศน์ พอได้เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับสติปัฏฐาน ๔ อริยสัจ ๔
หรือว่าได้ฟังมรรคมีองค์ ๘ เนี่ยก็เกิดความเลื่อมใส
แล้วก็สามารถที่จะดำรงศรัทธาอยู่ในพุทธศาสนาได้
ในฐานะของอุบาสกหรือว่าเป็นพระ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็ได้บำเพ็ญเพียรในแบบของคนที่จะสมควรจะได้ทำประโยชน์
กับมหาชนในแบบพุทธต่อไป

แล้วแน่นอนครับสำหรับคำถามว่า
ในอนาคตจะมีพระพุทธเจ้าอีกหรือไม่
มีแน่นอน
เพราะว่าผู้ที่ปรารถนาบำเพ็ญและก็บำเพ็ญเพียรอยู่เนี่ย ไม่ใช่มีน้อยๆ นะ
อย่างที่เคยกล่าวไว้เมื่อครู่นี้ว่าถ้าเปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับน้ำบ่อ
แล้วคนที่จะไปได้ถึงนี่ก็น้ำแค่หยดเดียว หรือว่าอาจจะสักแก้วหนึ่ง ประมาณอย่างนั้น