Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๖๓

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

 

 

 

จะตัดใจจากคนรักเก่าอย่างไร

ถาม – ตัดใจอย่างไรให้ขาดจากคนรักเก่า
เพราะว่าตัวเรายังรอคอยเขาอยู่ตลอดเวลา ต้องทำอย่างไรดีคะ

ตอบ -- เรารอคอยเขาอยู่ตลอดเหรอครับ
อาการรอคอยนั้นน่ะ ลองดูก็แล้วกัน
วิธีหรือเทคนิคที่จะตัดใจจากคนรักมีหลายวิธี
แต่ว่าถ้าจะเอาตรงประเด็นสำหรับแต่ละคนนะ
ก็ต้องดูว่าอาการทางใจของเราผูกอยู่กับเขาด้วยอาการอย่างไรโดยมาก
อย่างกรณีของคุณบอกว่าตัวเรารอคอยเขาอยู่ตลอดเวลา
อาการรอคอยเนี่ยสังเกตไหมว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร
มันมีอาการยืดเยื้อ มันมีอาการยืดยาด มันมีอาการที่อ้อยอิ่ง
มันมีอาการที่เหมือนใจเนี่ยนะลอยไปอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
ยืดออกไปนอกตัวตลอดเวลา ไม่สามารถเอากลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้

ถ้าเราสามารถเห็นลักษณะอาการของใจ ที่มันยืดเยื้อ ยืดยาดนะ
แล้วก็เหมือนกับไปแปะติดอยู่กับอากาศเวิ้งว้างภายนอก
โดยไม่มีเป้าหมาย ชีวิตมันเหมือนไม่มีจุดหมายอะไรที่ชัดเจนอยู่เลย
ดูลักษณะของใจแบบนั้นน่ะ ที่มันเกิดขึ้นบ่อยๆ เนี่ยนะ
รู้ไปเพื่ออะไร รู้เพื่อให้เห็นว่า
เมื่อไหร่ก็ตามนะที่เรารู้สึกถึงอาการยืดเยื้อ
เรารู้สึกถึงอาการที่จิตเนี่ย มันเหมือนเลื้อยออกไปนอกตัวบ่อยๆ เข้า
เราจะรู้สึกถึงความน่าเบื่อหน่ายของอาการทางจิตแบบนั้นๆ

มันเหมือนคนเป็นโรคอะไรชนิดหนึ่ง

แต่ถ้าไม่มองให้เห็นอาการทางใจนะ
มันจะมัวเฝ้าแต่สร้างมโนภาพตัวตนของเขาขึ้นมา
หรือว่าหวนไปนึกถึงอดีตที่น่าประทับใจ อดีตที่น่าติดใจอยู่ร่ำไป
เมื่อเราแทนที่มโนภาพดีๆ มโนภาพเก่าๆ ที่น่าติดใจ
ด้วยความน่าเบื่อหน่ายของลักษณะทางจิต
นานเข้าจิตจะฉลาดขึ้นเอง

ฉลาดเห็นว่าอาการทางใจที่มันยืดเยื้อ
ที่มันมีความรอคอย ที่มันไม่มีเป้าหมายชัดเจน
มันเป็นแค่สภาพอะไรอย่างหนึ่งที่น่าเบื่อเป็นที่สุด

ปกติเราจะไปนึกว่าชีวิตเป็นของน่าเบื่อ
ในเวลาที่เรารอสิ่งที่ไม่ได้อย่างใจ
แต่จริงๆ แล้วเนี่ยนะ เมื่อเรามีสติเห็นได้ชัดว่าอาการทางใจเป็นอย่างไรนะ
มันจะอ๋อขึ้นมาเอง อ๋อขึ้นมาดังๆ ว่าสิ่งที่น่าเบื่อไม่ใช่ชีวิตนะ
แต่เป็นสภาพทางใจ แต่เป็นอาการทางใจนี่เอง
ที่มันน่าเบื่อที่สุด ที่มันไม่ได้น่าอาลัยอาวรณ์
ไม่ได้น่ารัก น่าพิศวาสอะไรเลย
อดีตที่ผ่านไปแล้ว มันจะน่าพิศวาสแค่ไหนไม่รู้นะ
แต่รู้เลยว่าอาการรอแบบไม่มีที่สิ้นสุด อาการรอแบบยืดเยื้อเปล่าๆ เนี่ย
อาการทางใจแบบนั้นเนี่ย มันไม่น่ารักเอาเลย

ถ้าเปรียบเป็นหน้าตาของคน
ก็บอกได้ว่าสภาพจิตที่มีการรอคอยเนี่ย เป็นคนที่หน้าตาขี้เหร่
เป็นคนที่ไม่น่าคบหา เป็นคนที่มีสภาพที่ไม่น่าเข้าใกล้เป็นที่สุด
แต่เราปล่อยให้คนพรรค์นั้นเนี่ย หรือจิตพรรค์นั้นเนี่ยมาอยู่ติดตัวเราได้
ก็เพราะว่าเราไม่ได้มอง เรามองไม่เห็น เรามองไม่ชัด
มีความมืดบางชนิดบดบังอยู่ มีความมืดอันเกิดจากความอยาก
ความอยากแบบไม่มีที่หมายปลายทาง ไม่มีจุดหมายปลายทาง
ความอยากในแบบที่เหมือนเราตกอยู่ในห้องมืด ที่ไม่มีคนมาส่องแสงไฟให้


ทีนี้ถ้าหากว่าเราเอาสติมาเป็นแสงไฟ
ส่องให้เห็นว่าห้องมืดนั้นน่ะ มันไม่ได้มีความน่าติดใจอะไรอยู่เลย
มันมีแต่ความว่างเปล่า มันมีแต่ความรกร้าง มันมีแต่ความรก
มันมีแต่กลิ่นเหม็น มันมีแต่ความชื้นแฉะ
ที่ไม่น่าที่จะอยู่อาศัยอยู่ในนั้นเอาเสียเลย
พอเห็นบ่อยเข้ามันจะเริ่มตื่น
ตอนนี้เหมือนกับยังหลับอยู่นะ ยังหลงอยู่ ยังไม่ตื่นนะ
ให้สติมาเป็นแสงนำ ให้สติมาเป็นตัวปลุกให้ตื่นนะครับ
ก็ต้องเกิดขึ้นบ่อยนะ
ของพรรค์นี้เนี่ยไม่เกิดขึ้นกับตัวก็ไม่รู้หรอก
ว่ามันจะต้องใช้สติไปนานแค่ไหน
แต่จะนานแค่ไหนมันคุ้มครับ เมื่อผลเกิดขึ้น
ผลคือความสุข ผลคือชีวิตใหม่ ผลคือความสว่างที่มันต่างไปนะ