Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๖๒

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

 

 

 

ถ้าศรัทธาในคนคนหนึ่งจนกลายเป็นความรัก ควรทำอย่างไร

ถาม – ถ้าหากว่าเรามีความศรัทธาในตัวบุคคลคนหนึ่ง
จนแปรเปลี่ยนเป็นความรักความหลงใหล
ควรจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดีคะ

ตอบ – ก็ในตัวความชื่นชม ตัวความนิยมเนี่ยนะ
มันมีความหลงใหลแฝงอยู่แล้วนะครับ
แล้วลักษณะของความหลงใหลเนี่ย มันก็แยกออกเป็นหลายระดับนะ
แม้แต่อย่างผู้ที่มีความศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็เคยมีบอกไว้ในพระไตรปิฎกนะครับ
ว่ามีพระรูปหนึ่ง วันๆ ไม่ได้ศึกษาธรรมะ
หรือว่าพยายามที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์
แต่ว่าเฝ้าจ้องมอง แล้วก็มีความนิยมชมชื่นในรูปโฉมของพระพุทธเจ้า
ก็อันนี้คือเป็นผู้ที่มีความศรัทธา
แล้วก็มีความยินดีในพระมหาปุริสลักษณะ
ที่มีความงามสง่ามากๆ ของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าต้องพิจารณานะว่า
กายนี้ พระกรัชกายของพระองค์เนี่ย
จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรที่น่านิยมชมชื่นเลย
เป็นเพียงสิ่งที่ล่อตาล่อใจให้หลงผิวภายนอกนะครับ
แต่ถ้าหากว่าดูเข้าไปถึงข้างในแล้ว
มันเต็มไปด้วยคูถมูตร มันเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกนะ
แออัดยัดเยียดตั้งแต่ปลายผมถึงปลายเท้านะครับ

ถ้าหากว่าพิจารณาอยู่อย่างนี้แล้ว
ก็จะสามารถละความหลงติดยินดีในรูปได้อย่างแน่นอนนะ
ถึงแม้ว่าจะมีความหลงใหลในเชิงอื่นอย่างไรก็ตามเนี่ยนะ
อย่างไรเนี่ยความรู้สึกถึงความจริง
เกี่ยวกับความน่ารังเกียจของสิ่งปฏิกูลในร่างกายเนี่ย
ก็จะทำให้ความหลงใหลพิศวาสเนี่ยมันหายไป
มันจางหายไปได้เองนะครับ
เพราะว่าสิ่งที่เราจดจำเกี่ยวกับบุคคลเนี่ย
มันเป็นภาพๆ เดียว เป็นมโนภาพของตัวเขานะ
ถ้าหากว่ามโนภาพของตัวเขาหรือตัวท่าน
มีความเป็นบวกอยู่ เราก็จะยังติดหลงอยู่
แต่ถ้าหากว่ามโนภาพเกี่ยวกับตัวท่าน
มันคล้ายๆ กับเรานึกถึงส้วม เรานึกถึงสิ่งปฏิกูลที่เป็นศพ
ที่เป็นซากเน่า ซากหนอนเนี่ย
ก็จะกลายไปเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง

อันนี้เป็นทางเดียวที่ในทางพุทธสอนไว้นะ
นอกจากนั้นก็ให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยง
ซึ่งลักษณะของความไม่เที่ยงเนี่ย
บางทีอาจจะไม่สามารถเอาชนะความพิศวาสได้
ก็ใครจะทำหรือไม่ทำเนี่ย
หรือว่าใครจะมีกำลังใจในการเจริญอสุภกรรมฐานแค่ไหน
ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคนที่สั่งสมมานะครับ
หรืออาจจะเห็นความจำเป็นมากน้อย ต่างกันแค่ไหนนะ