Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๔๐

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากแวดวงคนทุจริต

 

ถาม - ในที่ทำงานของดิฉันมีการทุจริตเกิดขึ้นบ่อยมาก
ดิฉันพยายามหลีกเลี่ยงจนสุดความสามารถ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถเลี่ยงได้
จะต้องทำอย่างไรจึงจะพ้นจากแวดวงคนทุจริตได้คะ

ตอบ - ก็ใจนี่แหละที่มันเป็นใหญ่ ใจนี่แหละมันเป็นประธาน
ถ้าหากว่าคำนึงถึงวิบากหรือว่าผลที่เราจะต้องได้รับในปัจจุบัน
ก็คือเราต้องมาอยู่ในวงจรของคนโกง ของคนคด ของคนทุจริต
มันอาจจะเกิดจากการที่เราเคยไปร่วมมือ ให้ความร่วมมือกับคนเหล่านี้
หรือว่าเราเองนั่นแหละเคยทำอะไรแบบทำนองเดียวกันมาก่อนนะ
แล้วก็จะต้องมาอยู่ในวงจรแบบนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
แต่ใจของเราที่มันไม่สมัครเข้าไปแล้ว มันไม่อยากจะทำแบบนี้อีกแล้ว
มันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีกแล้ว
ใจนั้นแหละที่จะเป็นตัวกำหนด
ให้เส้นทางของเราค่อยๆ ออกห่าง ค่อยๆ แยกจากไป

โดยตัวความไม่เต็มใจนั่นแหละ
โดยตัวความรู้สึกไม่ดี โดยตัวความรู้สึกละอายนั่นแหละ
มันสังเกตได้ ใจมันอยากจะถอยห่างออกมา

เนี่ยไม่ใช่แค่ความรู้สึกอย่างเดียวนะ แต่เป็นส้นทางของเรา ที่เราเดินไปเนี่ย
ถ้ามองเป็นภาพรวมก็เหมือนกับว่าเท้าของเราค่อยๆ เบนทิศไปจากเส้นทางเดิมนะ
ที่มันบังคับให้เดินทางตรงไปสู่ความวิบัติ เดินทางตรงไปสู่การตกเหวเนี่ย
มันค่อยๆ เบี่ยงเหมือนกับฉีกทางออกไปสู่ความปลอดภัยแล้ว
ถึงแม้ว่า ณ เวลาปัจจุบันมันยังหมิ่นเหม่
มันยังเหมือนกับว่า เอ๊ะ เราเดินลงเหวชัดๆ นี่
แต่ถ้ามองเป็นเหมือนกับเปรียบเป็นรูปธรรมนะ
เท้าเราเนี่ยมันค่อยๆ ฉีกออกห่างจากการลงเหวทีละน้อยๆ
ไม่ได้ลาดลงต่ำเหมือนกับคนอื่นๆ ที่เขามุ่งหน้าดุ่มเดินไปโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้
คือพูดง่ายๆว่า ก่อนตายเนี่ย มันพ้นปากเหวได้ทัน
มันไม่ต้องดำดิ่งลงไปเหมือนคนอื่นเขา ถูกฉุดถูกลากลงเหมือนคนอื่นเขา

การที่เรามีใจไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้
ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
กล่าวคือเราจะบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ว่าถ้าหากมีโอกาสเมื่อไหร่ เราจะไปทันที

จริงๆ แล้วเจ้าของคำถามห้อยท้ายมา
ดิฉันไม่อยากลาออกนะคะ แต่อยากจะพ้นจากวงจรอุบาทว์เหล่านี้

คือการที่เรายังต้องข้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้
ก็เพราะว่าเรายังอยู่ในสายอาชีพการงาน
อยู่ในหน้าที่อะไรแบบนี้นี่แหละนะ ยังต้องเจอกับเขานี่แหละ
ถ้าหากว่าเราตั้งใจไว้ว่าเนี่ยถ้าไปได้เมื่อไหร่เราไปทันที
ความคิดแบบนี้ ความตั้งใจแบบนี้นี่แหละ ที่จะทำให้พ้นจากวงจรได้จริง

แต่ถ้าหากว่ายังไม่มีที่ไป
พยายามแล้วไม่สามารถที่จะออกจากที่เดิมได้
ก็อยู่ไปก่อน ไม่เป็นไร เพราะว่าอยู่แต่ตัวน่ะ
อยู่แต่แขนขาที่มันทำหน้าที่คล้ายเครื่องจักรกล
แต่ใจเราจริงๆ เนี่ยนะ ตัวใจจริงของเราเนี่ย มันไม่อยู่กับที่ทำงานแล้ว
นี่ตัวนี้แหละที่เขาเรียกว่าเป็นตัวสร้างภพเป็นตัวสร้างภูมิ
ความตั้งใจนี่แหละ ความสมัครใจนี่แหละ
อาการที่ใจเราอยู่ที่ไหนนั่นแหละ ตัวนั้นแหละนะ
ถ้าหากว่าใจมันเล็งอยู่ที่ว่า เออ เราจะอยู่ที่นี่ไปจนตาย
ถึงแม้ว่าจะต้องทุจริตคิดคดไปกับเขาด้วยเนี่ย
อย่างนี้อย่างไรมันก็ต้องเปื้อน
ภพภูมิของเราอย่างไรมันก็ต้องหลีกไม่พ้นจากวงจรแบบเดิมๆ
เพราะว่าใจมันเล็งไว้แล้วว่าจะผูกอยู่กับตรงนี้แหละ

แต่ถ้าหากใจเล็งไว้ว่าไปได้เมื่อไหร่ไปทันที
อย่างนี้มันก็จะแตกต่างไป

ภพที่จะเสวยภูมิที่จะเสวยของใจที่มันเล็งอยู่
มันก็คือความสะอาด มันก็คือความปลอดจากพิษของกรรมที่ดำมืดของคนอื่น
ที่เขาคอยสะบัดมาโดนเราให้เกิดความแปดเปื้อนไป